‘อดิศร เพียงเกษ’ เป็นตัวแทนเพื่อไทย อภิปรายหนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เพราะประชาชนพิพากษาแล้วผ่านการเลือกตั้ง ชี้ ‘เพื่อไทย’ ไม่มีเกมนอก ยันทุกคนยกมือโหวตให้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม
เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายในฐานะตัวแทนพรรคว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ไม่มีพรรคใดได้เสียงเกิน 250 เสียง แต่มีพระก้าวไกลที่ได้คะแนน 151 เสียงและมีพรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียงตามมาเป็นที่ 2 เป็นไข่เป็ดกับไข่ไก่เบอร์ 0 ตามกันมา
ถ้าในอดีตการจัดตั้งรัฐบาลจะจัดได้ง่ายกว่า เพราะอันดับที่ 1 จะต้องเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคที่ได้อันดับ 2 จะต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ครั้งนี้เมื่อผลการเลือกตั้งเปรียบเสมือนเป็นไข่เป็ดกับไข่ไก่ หรือเหมือนข้าวต้มมัดที่ประชาชนให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยเป็นข้าวต้มมัด โดยมีประชาชนเป็นตอกที่มัดทั้ง 2 พรรคให้อยู่ด้วยกันห้ามหนีจากกันจึงมีการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมา 8 พรรค เมื่อพักก้าวไกลได้ 151 เสียงจึงสมัครใจจะเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ต้น ให้สิทธิ์ไปคิดในการรวบรวมเสียงจนเป็นคะแนนเสียง 312 คะแนน
จนถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่า จะยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งในการประชุมส.สพรรคล้วนมีมติเห็นตรงกัน อีกทั้งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐาน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยให้ความเห็นชอบด้วย
“วันนี้จะคิดยังไงก็ช่าง จะคิดตรงกันหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ผู้พิพากษาที่แท้จริงได้ตัดสินความไปแล้ว ไม่มีศาลอื่นใดที่จะตัดสินความเรื่องประชาธิปไตย 14 พฤษภาคม ประชาชนพิพากษาโดยเด็ดขาดไม่มีอุทธรณ์และฎีกาให้พรรคเพื่อไทยและพระก้าวไกล รวมถึงพรรคร่วมทั้ง 8 พรรคต้องไปทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี และต้องขอบคุณฝ่ายรัฐบาลรักษาการที่ไม่เสนอรัฐบาลเสียงส่วนน้อยมาแข่ง ถ้าเคารพเจตนารมณ์ตรงนี้ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องยาก เลือกตั้งจบแล้ว แต่เรื่องลากตั้งยังไม่จบ ประชาชนอยากเห็นพรรคที่ได้เสียง 151 เสียงเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะมีคนคลางแคลงสงสัยว่า พรรคเพื่อไทยจริงใจหรือไม่ ก็ขอตอบตรงนี้ว่า เพื่อไทยจริงใจ รู้กติกา เพราะเราตั้งมาแล้ว 22 ปี เรามีบทเรียนเราเคยได้คะแนนเด็ดขาด 377 เสียง แต่เที่ยวนี้ก้าวไกลเขาเป็นส้มตำที่เผ็ดจี๊ดจ๊าดกว่าเรา เรายังเป็นเพื่อนกัน” นายอดิศรกล่าว
ในช่วงท้านนายอดิศรอภิปรายว่า ถ้านา่ยพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะมีความสุขมาก นายพิธาจะได้ไปที่ฝรั่งเศสจับมือกับประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ไปจับมือกับประธานาธิบดีแคนาดาจัสติน ทรูโด ไปเจอประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและไปเจอประธานาธิบดีโจไบเดนเป็นเรื่องที่สง่างามไม่มีเดินหลงธงชาติแน่นอน
ดังนั้นพรรคเพื่อไทย แม้จะมีแคนดิเดตนายกฯ ที่พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติศิริ แต่เที่ยวนี้ ต้องเปิดโอกาสให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีเงื่อนไข จึงขอสมาชิกรัฐสภาไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือ ส.ว. ปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาต่างประเทศ และปัญหาสังคมต่างๆต้องการรัฐบาลด่วนที่สุด จึงต้องเคารพเสียงที่ต้องได้มาจริงๆ
แล้วขอฝากถึงสมาชิกวุฒิสภา ตนเคารพทุกท่านเพราะท่านมาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ความศรัทธาจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่การกระทำ แต่ขอยืนยันกับประธานรัฐสภาว่าพรรคเพื่อไทยยินดีสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และขอฝากกลอนสั้นๆว่า
ขอสัญญาจะเลือกพิธาเป็นนายก ขอสมาชิกรัฐสภายกมือสนับสนุน ประชาชนเขาเลือกมานั้นเป็นทุน พิธาจะทำงานแทนคุณประเทศเอย
อ่านประกอบ