สธ.เดินหน้ารับฟังความเห็น 6 ด้านหลัก พัฒนาระบบและบริการ 'สุขภาพปฐมภูมิ' เริ่ม ก.ค.นี้ 'อนุทิน' เร่งดำเนินการบริหารจัดงบบัตรทองให้บุคลากร รพ.สต.ที่ถ่ายโอนไปท้องถิ่นแล้ว ส่วนล็อตสองรอถ่ายโอน 1 ต.ค.66 ขอให้อบจ.มีความพร้อมในการรองรับ จัดทำแผงผังบริหารให้ชัดเจน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ครั้งที่ 1/2566 ว่า สธ.ออก พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มาตรฐาน และเป็นธรรม การขับเคลื่อนต้องอาศัยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน มีการจัดตั้งสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ (สสป.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานภาพรวมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อน
โดยวันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการรับฟังความคิดเห็นตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้รับฟังความคิดเห็นจากผู้รับบริการ หน่วยบริการปฐมภูมิ เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริม ปรับปรุง และพัฒนาการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิและระบบสุขภาพปฐมภูมิให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มอบหมายให้ สสป.ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น พร้อมจัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอต่อคณะกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับวิธีการเก็บข้อมูลจะใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปและผู้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิ ช่วง ก.ค.นี้ ในประเด็นความพึงพอใจต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ 6 ด้าน ได้แก่
-
ด้านเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ให้บริการ (แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และคณะผู้ให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ)
-
ด้านกระบวนการหรือขั้นตอนการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ
-
ด้านช่องทางการติดต่อสื่อสาร
-
ด้านสถานที่ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวก
-
ด้านระบบสารสนเทศ
-
ด้านคุณภาพบริการสุขภาพปฐมภูมิ พร้อมทั้งสอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ และความคาดหวังต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามความคืบหน้าการทำงานของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งทราบว่า มีกรรมการบางท่านในคณะอนุกรรมการ ต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง จึงเห็นควรให้มีการปรับองค์ประกอบกรรมการ ในคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อห่วงใยการถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ.ที่พบ รพ.สต.บางแห่งไม่สามารถให้บริการ จนประชาชนต้องกลับไปรักษาที่ รพ.ชุมชน ทำให้เกิดภาระงานเพิ่มขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ซึ่ง สธ.พร้อมให้ความร่วมมือทุกด้าน แต่ผู้ที่ได้รับการถ่ายโอนไปก็ต้องไปเร่งในเรื่องของงบประมาณ เรื่องของแผนผังการบริหาร ซึ่งสำคัญมาก ทราบมาว่าหลายแห่งยังไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนผังบริหาร แต่ได้เน้นไปแล้วว่า ในส่วนบริการรักษาประชาชน สธ.ยังสนับสนุนเช่นเดิม
เมื่อถามว่ามีรายงานเข้ามาว่าเกิดขึ้นหลายแห่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปสอบถามทางผู้รับช่วงถ่ายโอนไปแล้ว แต่ สธ.ก็ต้องทำตามกฎหมาย สธ.ไม่ได้อยากให้ไป แต่เมื่อกฎหมายกำหนดก็ต้องดำเนินการ และที่ตนเคยพูดมาก่อนว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง ซึ่งตนก็ถามแล้วว่า เราควรทำอย่างไร ก็ได้คำตอบว่า ต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งเราก็ต้องให้ความร่วมมือมากที่สุด ส่วนที่ถ่ายโอนไปแล้ว อย่างบุคลากรหรืองบประมาณ เรามีการตรวจสอบด้านกฎหมาย อย่าง สปสช.ก็ต้องไปปรับหมวด โดยได้รับประสานมาว่า กำลังเร่งพิจารณาค่าตอบแทนบุคลากรที่ถ่ายโอนไป ว่ามีติดเรื่องกฎหมายอะไรหรือไม่ ถ้าไม่ติดก็จะเร่งดำเนินการ และ สปสช.ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป
ถามอีกว่าจะมีการถ่ายโอน รพ.สต.อีกวันที่ 1 ต.ค.นี้ สธ.ทำหนังสือข้อห่วงใยความพร้อมของท้องถิ่นหรือไม่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.มีการทำหนังสือสอบถามถึงความพร้อมของท้องถิ่น เพื่อจะได้ประสานงานร่วมกัน ซึ่งมีทั้งที่พร้อมรับการถ่ายโอนและยังไม่พร้อม แต่อีกส่วนก็ยังไม่ได้ตอบมา ส่วนตัวเลขแน่ชัดกำลังรอรวบรวมจำนวนภาพรวมทั้งหมดอยู่