บัญชีโยกย้ายอัยการ 800 ราย ส่อมีปัญหาอีกรอบ หลังกรณี 'ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม' ตำแหน่งซ้ำ สลค.ตั้งข้อสงสัยชื่อบิ๊กอัยการเคยปรากฏข่าวถูกตั้ง 5 คณะทำงานสอบคดีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องร่วมอยู่ด้วย เกรงเสนอเรื่องไปจะมีปัญหา อาจตีเรื่องกลับให้ อสส.ทบทวน
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ภายหลังจากที่ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด (อสส.) ได้เสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการ จำนวนกว่า 800 ราย ที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยแยกชื่อ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี ที่มีปัญหาตำแหน่งซ้ำกับนายถวัลย์ อิ่มเอิบ ที่ระบุตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี ออกจากบัญชีรายชื่อของข้าราชการอัยการทั้งหมด ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) พิจารณาอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา หลังจากถูก สลค. ตีเรื่องกลับมาให้พิจารณาอีกครั้งตามที่ปรากฏข่าวไปแล้ว
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า สลค. ได้ตรวจสอบบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการที่เสนอมา และยังมีข้อสงสัยรายชื่อข้าราชการอัยการระดับสูงอีกรายหนึ่ง ซึ่งเคยมีข่าวว่า อสส.ตั้งคณะทำงาน 5 คณะขึ้นมาตรวจสอบคดีที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง 5 คดี และขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าผลการสอบสวน เกรงว่าถ้ามีการเสนอแต่งตั้งข้าราชการอัยการระดับสูงรายนี้ไป หากพบว่าผลการสอบสวนมีมูลความผิดและมีตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงไปแล้วจะเกิดปัญหา จึงอาจจะมีการส่งเรื่องกลับมาให้ อส. ทบทวนบัญชีรายชื่ออีกครั้งหนึ่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนธันวาคม 2564 สลค. ได้แจ้งเวียนหนังสือไปยังกระทรวง กรม หน่วยงานอิสระ เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา โดยได้แจ้งให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทราบและถือปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีการเสนอเรื่องขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่าง ๆ ส่วนราชการจะต้องพึงระวังตรวจสอบกลั่นกรองว่าได้ดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งหากเป็นเรื่องที่มีข้อร้องเรียนว่า มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือแนวทางปฏิบัติได้กำหนดไว้ ก็สมควรได้ตรวจสอบหรือดำเนินการแก้ไขให้เป็นที่ยุติเสียก่อน รวมทั้งเรื่องที่เสนอต้องไม่เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาล อันอาจเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีสั่งการให้แจ้งกำชับทุกส่วนราชการถือปฏิบัติ ในเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานในเรื่องต่างๆ จะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีข้อมูลอันเป็นที่ยุติชัดเจน ก่อนที่จะส่งเรื่องเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไป ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมายังมีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเสนอเรื่องที่มีประเด็นปัญหาดังกล่าวอันเป็นเหตุให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปได้
ดังนั้น เพื่อให้การขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่าง ๆ สามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลได้อย่างถูกต้อง เรียบร้อยไม่เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป (ดูหนังสือประกอบ)
ขณะที่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2566 นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ 420 / 2566 เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวสารและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสูงสุด จำนวน 5 คดี ประกอบไปด้วย คดีเผาสวนงูภูเก็ต , คดี ซี.พี.เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวก , คดีนายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก , คดีมาวินเบต ดอทคอม และคดียาเสพติดเมทแอมเฟตามีน 400,000 เม็ด และ คดีนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ กับพวก พร้อมให้รายงานผลการตรวจสอบความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นเกี่ยวกับการสั่งคดีต่ออัยการสูงสุดด้วย
แต่ปัจจุบันยังไม่รายงานข่าวยืนยันความคืบหน้าการสอบสวนแต่ละคณะทำงานว่าผลออกมาเป็นอย่างไร
- ลุยสาง 5 คดี'ขยะใต้พรม'! อสส.ฟังเสียง ผอ.อิศรา ตั้งคณะทำงานสอบปมสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา
- หลายคนเป็นว่าที่ อสส.! อัยการ ขอ ปชช.มั่นใจ 5 คณะทำงานสอบ 6 คดีใหญ่