สตง.สรุปผลสอบปัญหาจัดเก็บรายได้สัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่น เขตพื้นที่สัมปทานภาคใต้ 62 เกาะ พบปัญหาเพียบการประมูลมีความล่าช้า ขาดหลักเกณฑ์วิธีการเก็บอากรที่ชัดเจน แถมยังขยายระยะเวลาสัมปทานไม่เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด ราชการเสียหาย 67.50 ล้านบาท จี้หาตัวผู้รับผิดชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปผลการตรวจสอบปัญหาการจัดเก็บรายได้จากสัญญาสัมปทานรังนกอีแอ่น ในเขตพื้นที่สัมปทานภาคใต้ ซึ่งอยู่ในเกาะทั้งนอกเขตและในเขตอุทยานแห่งชาติ จำนวน 62 เกาะ พบว่า การประมูลให้สัมปทานมีความล่าช้า ขาดหลักเกณฑ์วิธีการ การจัดเก็บอากรที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการขยายระยะเวลาสัมปทานไม่เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด ทำให้ราชการเสียหาย เป็นวงเงินกว่า 67.50 ล้านบาท
แหล่งข่าว สตง. กล่าวว่า ปัญหาในภาพรวมที่ สตง. ตรวจสอบพว่า คือ การที่ไม่กำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางในการประมูลให้ชัดเจนและสอดคล้องกับปริมาณรังนกที่แท้จริงและราคาในท้องตลาดทำให้เกิดความล่าช้าในการประมูล ไม่สามารถจัดเก็บรายได้เงินอากรรังนกอีแอ่นได้
"การที่ไม่มีข้อมูลปริมาณรังนกตามธรรมชาติและข้อมูลราคาตลาด ทำให้คณะกรรมการฯ พิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดฯ ขาดข้อมูลเพื่อใช้กำหนดราคากลางในการประมูล หรือการปรับลดราคากลาง หรือการชดเชย เยียวยาผู้รับสัมปทานประกอบการใช้ดุลยพินิจ" แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้รับสัมปทานไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาถือเป็นความรับผิดของผู้รับสัมปทานที่ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ การที่คณะกรรมการฯ มีมติให้เยียวยาความเสียหายโดยการขยายระยะเวลาสัมปทานออกไปอีก 2 ปี 6 เดือน เป็นการใช้ดุลยพินิจขยายระยะเวลาสัมปทานที่ไม่ถูกต้อง ขัดกับสัญญาสัมปทาน ทำให้ทางราชการเสียหาย คิดคำนวณจากมูลค่าวงเงินอากรรังนกอีแอ่นที่ได้รับตามสัญญาสัมปทาน เป็นเงิน 135 ล้านบาท ระยะเวลาสัมปทานตามสัญญา 5 ปี จำนวนเงินค่าสัมปทานที่จังหวัดฯ จะต้องได้จากผู้รับสัมปทานปีละ 27 ล้านบาทระยะเวลาที่ขยาย จำนวน 2 ปี 6 เดือน ทำให้ทางราชการเสียหาย คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 67,50 ล้านบาท
"เกี่ยวกับปัญหานี้ สตง. ได้แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการแก้ไขปัญหา รวมถึงให้มีการดำเนินการหาตัวผู้รับผิดชอบชดใช้ความเสียหายแก่รัฐ จำนวน 67,50 ล้านบาท ดังกล่าวแล้ว" แหล่งข่าวระบุ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก หาดใหญ่โฟกัส