เผยมติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกลุ่มผู้บริหารธนาคารอิสลาม คดีทุจริตอนุมัติปล่อยสินเชื่อให้เอกชน โดนอาญา 2 ราย เจอวินัยร้ายแรง 3 ให้หน่วยงานร้องทุกข์กล่าวโทษคดีฉ้อโกงบริษัทด้วย
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดกลุ่มผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และเอกชน รวม 12 ราย ในคดีทุจริตเกี่ยวกับการอนุมัติปล่อยสินเชื่อให้เอกชน
โดยคดีนี้ แบ่งออกเป็น 3 ข้อกล่าวหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก มีมติดังนี้
- ข้อกล่าวหาที่ 1 เรื่องการอนุมัติสินเชื่อ เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป ตามที่คณะกรรมการไต่สวนเสนอ
- ข้อกล่าวหาที่ 2 เรื่องการเรียก รับ ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา จำนวน 2 ราย คือ นายอรรควิตร ภูมิฐาน ผู้จัดการอาวุโสบริหารส่วน ฝ่ายธุรกิจ SMEs 2 และนายนรกิรติ์ วงศ์ทองเหลือ
- ข้อกล่าวหาที่ 3 เรื่องการเบิกเงินสินเชื่อ ถูกชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง จำนวน 3 ราย คือ นางสุรดา ผูกพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายธุรกิจ SMEs2, นายอรรควิตร ภูมิฐาน ผู้จัดการอาวุโสบริหารส่วน ฝ่ายธุรกิจ SMEs2 และนายฐิติพัชร์ บัวผัน ผู้ช่วยผู้จัดการส่วน ทีมธุรกิจ 5 ฝ่ายธุรกิจ SMEs 2
สำหรับผู้ถูกกล่าวหากลุ่มเอกชนนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ไปร้องทุกข์กล่าวหาในข้อหาฉ้อโกง กับเอกชนจำนวน 2 ราย คือ นายมนตรี อึ้งอักษรไพโรจน์ ผู้สำรวจโครงการก่อสร้าง/พนักงาน บริษัท พรสยามคอนซัลแทนท์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท พรสยามคอนซัลแทนท์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
รายงานข่าวแจ้งว่า กรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย คือ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ เห็นควรให้ชี้มูลความผิดอาญาผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรส่งสำนวนการไต่สวน พยานเอกสารหลักฐาน ให้อัยการสูงสูง ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย และส่งเรื่องให้ ธนาคารอิสลาม ดำเนินการตามขั้นตอนทางวินัยต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลหรือการสอบสวนทางวินัยได้อีก