ป.ป.ช.แจงปม กกต.ให้พรรคการเมืองส่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ป้องกันทุจริต ครม.มีมติรับทราบเมื่อ มิ.ย. 2562 สอดคล้อม กม.ต้านทุจริต ปี 61
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 11 พ.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์มีใจความว่า นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ ลต 0015/ว1104 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เรื่อง เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอน การพัฒนานโยบาย (Policy Formation) ถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อจัดส่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์การพัฒนานโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองและเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จให้จัดส่งมายังสำนักงาน ป.ป.ช. โดยตรงต่อไป นั้น
สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนชี้แจงว่า “เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย (Policy formation)” เป็นกลไกป้องกันการทุจริตที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พัฒนามาจากเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายในโครงการของรัฐ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบเมื่อเดือน มิถุนายน 2562 โดยได้มีการทบทวนปรับปรุงเกณฑ์ฯ ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการเมืองไทยในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นกลไกในการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการพัฒนานโยบายของพรรคการเมือง โดยคาดหวังว่าจะช่วยในการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง การทุจริตเชิงนโยบาย (Policy Corruption) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมหาศาล ตลอดจนจะช่วยเป็นเครื่องมือให้พรรคการเมืองได้แสดงเจตนารมณ์ที่ดีในการอธิบายที่มา วัตถุประสงค์ ความคุ้มค่า ผลกระทบ ความเป็นไปได้ของนโยบายที่กำหนดขึ้นมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มติเห็นชอบ “เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย (Policy formation)” ดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 และให้เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปประกอบการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ต่อไป
โดยเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการสรุปผลการดำเนินการขับเคลื่อนเกณฑ์ขี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในชั้นตอนการพัฒนานโยบาย (Policy Formation) และส่งข้อมูลให้แก่สำนักงาน ป.ป.ช. โดยองค์ประกอบของการสรุปผลอย่างน้อยประกอบไปด้วย
1. แบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย (Policy Formation) ทั้งหมด ที่พรรคการเมืองได้ส่งให้สำนักงาน กกต.
2. ข้อมูลสรุปผลเชิงปริมาณ ได้แก่
(1) รายชื่อพรรคการเมืองที่ขึ้นทะเบียนไว้
(2) รายชื่อพรรคการเมืองที่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง
(3) รายชื่อพรรคการเมืองที่ดำเนินการจัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริต
เชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย
(4) รายชื่อพรรคการเมืองที่ไม่ได้เข้าร่วมจัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย
(5) รายชื่อพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
(6) รายชื่อพรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นพรรคที่ดำเนินการจัดทำแบบฟอร์ม
การประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย
3. ข้อมูลสรุปผลเชิงคุณภาพ ได้แก่
(1) ความคิดเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย ที่ได้ใช้ประกอบการจัดการเลือกตั้ง ในปี พ.ศ. 2566 ว่ามีข้อดี ข้อเสีย ปัญหาหรืออุปสรรค และข้อเสนอในการขับเคลื่อนเกณฑ์ซี้วัดความเสี่ยงฯ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
(2) ความคิดเห็นของพรรคการเมืองต่อการดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยง ต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ตามแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย ว่ามีข้อดี ข้อเสีย ปัญหาหรืออุปสรรค และข้อเสนอในการขับเคลื่อนเกณฑ์ซี้วัดความเสี่ยงฯ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต การกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ รวมทั้ง จัดให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มงวดดังนั้นข่าวที่นำเสนอจึงมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่ได้ประสงค์จะให้พรรคการเมืองจัดส่งแบบฟอร์ม “เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย (Policy formation)” มายังสำนักงาน ป.ป.ช. แต่ประการใด