ยกฟ้อง! อดีต ผอ.กองสธ.เทศบาลฯจันทนิมิต ทุจริตออกใบอนุญาต-พวกโดนคุก 210 ด.ได้รอลงอาญา

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 08 พฤษภาคม 2566 เวลา 09:12 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

7542 views

picppckesddsd888008 5 66

เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'นันทกา หมื่นประเสริฐ' อดีตผอ.กองสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองจันทนิมิต จันทบุรี ทุจริตออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ-ยักยอกเงินค่าธรรมเนียม ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษาลงโทษพวก 1 ราย คุก 210 เดือน แต่รอลงอาญา - เจ้าตัวได้ยกฟ้อง ป.ป.ช. ขอ อสส.อุทธรณ์สู้

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นางนันทกา หมื่นประเสริฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองจันทนิมิต อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี กับพวก ทุจริตในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและยักยอกเงินค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต

ซึ่งถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา 157, 268 , 352 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบมาตรา 90 และ 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564

โดยคดีนี้ พันจ่าเอก ชูเดช ภูมิพันธ์ เป็นจำเลยที่ 1 , นางสาวภัตธนันท์ นิยมวงษ์ จำเลยที่ 2 , นางนันทกา หมื่นประเสริฐ จำเลยที่ 3

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาดังนี้

1. นางสาวภัตธนันท์ นิยมวงษ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 157 , พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 (แก้ไขเพิ่มเติม) และมีความผิดตามมาตรา 265 , 268 วรรคแรกประกอบมาตรา 265 และมาตรา 352 วรรคแรกเฉพาะฟ้องในข้อ 2.35

การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดแก่จำเลยที่ 2 ตามมาตรา 90

การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 35 กรรม จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามมาตรา 91

จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 35 กระทง เป็นจำคุก 35 ปี และปรับ 700,000 บาท

จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78

คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน และปรับกระทงละ 10,000 บาท รวม 35 กระทง เป็นจำคุก 210 เดือน และปรับ 350,000 บาท

เมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับก่อนฟ้องคดีจำเลยที่ 2 ชำระเงินที่เบียดบังไปคืนให้กับผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว

เมื่อคำนึงถึงสภาพความผิด และการบรรเทาผลร้าย นับว่าเป็นเหตุอันควรปรานี สมควรให้โอกาสจำเลยที่ 2 ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป

โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามมาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามมาตรา 29 , 30 กรณีการกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปี แต่ไม่เกินสองปีได้

ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ให้ยก

2. ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 3

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ได้พิจารณาแล้ว มีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

picppckesddsd8 5 66

อ่านข่าวประกอบ :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage