เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ‘วันชัย ชนาลังการ’ อดีตผอ.สนง.คุมประพฤติจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงาน ป.ป.ส. ทำค่ายบำบัดยาเสพติดไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ -เอาเงินบริจาคไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี พวก 1 ราย ยกฟ้อง ป.ป.ช.ขอ อสส.อุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายวันชัย ชนาลังการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับพวก คือ นางสาวภัชรินทร์ รอดพาล นำเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อจัดทำค่ายบำบัดยาเสพติดระบบบังคับรักษา ไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์และนำเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 , 157 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายวันชัย ชนาลังการ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 147 , 151 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลาย บทแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมี หน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็น ของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดย ทุจริตฯ ตามมาตรา 90 เพียงบทเดียว
จำคุก 5 ปี ให้คืนหรือชดใช้เงิน 121,170 บาท แก่สำนักงานป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด ผู้เสียหายด้วย
ส่วน นางสาวภัชรินทร์ รอดพาล จำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด นายวันชัย ชนาลังการ จำเลยที่ 1 มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 เห็นควรมีหนังสือขอความอนุเคราะห์ อัยการสูงสุด (อสส.) อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท