ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'วีระชัย สายสุด' อดีตนายก อบต.ปอพาน อำเภอนาเชือก มหาสารคาม จัดซื้อสื่อการเรียนการสอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 5 แห่ง มิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษา แก้โทษจากเดิมจำคุก 5 ปี เหลือ 3 ปี 4 เดือน หลังวางเงินค่าเสียหาย 59,000 บาท แต่ยืนไม่รอลงอาญา เหตุพฤติการณ์ตั้งใจกระทำความผิด แม้มีผู้คัดค้านหลายครั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายวีระชัย สายสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปอพาน อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม กับพวกจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 5 แห่ง โดยมิชอบ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
จากที่พิพากษาว่า นายวีระชัย สายสุด จำเลย มีความผิดตามมาตรา 151 และ 157 และยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามกฎหมายนี้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุก 5 ปี
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยตั้งใจจะกระทำความผิด แม้มีผู้คัดค้านแล้วหลายครั้ง ประกอบกับจำเลยไม่ได้รู้สำนึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น
จึงไม่เห็นควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
แก้เป็น
นายวีระชัย สายสุด จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ซึ่งเป็นบทเฉพาะ
แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ศาลมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา
43
ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์ จำเลย วางเงินค่าเสียหาย จำนวน 59,000 บาท
เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสาม และพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับบทความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลดโทษให้หนึ่งในสาม
จำคุก 3 ปี 4 เดือน
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ลงมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ส่วน พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
อ่านข่าวประกอบ :