จ่าสิบโท แฮคเกอร์ 9Near มอบตัวแล้ว ยันไม่ได้แฮคข้อมูล แต่ซื้อข้อมูลคนไทยกว่า 8 ล้านเรคคอร์ดผ่านเว็บชื่อ Bleach Forums เป็นเว็บไซต์ซื้อของข้อมูลของแฮคเกอร์ ด้วยเงินแค่ 8 พันบาท จนท.เตรียมฝากขังผลัดแรก 12 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีแฮคเกอร์ที่ใช้นามแฝงว่า 9Near โพสต์ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลคนไทยกว่า 55 ล้านคนว่า
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เม.ย. มีรายงานข่าวว่าจ่าสิบโท เขมรัตน์ ผู้ต้องหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้ามอบตัวในคดีเป็นแฮคเกอร์กับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
และต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ รวมทั้งพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้มานั้นมีความสอดคล้องกับคำให้การ เบื้องต้น ผู้ต้องหาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งมีความรู้ในด้านไอทีและมีความสนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองอยู่ในเว็บไซต์ Bleach Forums ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่แฮคเกอร์นิยมใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลผิดกฎหมายหรือไม่ จึงเข้าไปตรวจสอบและพบว่ามีข้อมูลของตนเองอยู่จริง จึงได้ติดต่อขอซื้อข้อมูลส่วนตัวคนไทยเพิ่มจากเว็บ จำนวน 8,000,000 เรคคอร์ด เป็นเงิน 8,000 บาท จากเว็บไซต์ดังกล่าว
จากนั้นได้นำรายชื่อส่วนหนึ่งโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดียแต่ยังไม่ได้รับความสนใจ จึงได้นำข้อมูลส่วนตัวของคนมีชื่อเสียงโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียและส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูล จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ทำให้รู้สึกตกใจจนต้องหลบหนีไปยังสถานที่ต่างๆเพียงคนเดียว ส่วนพื้นที่ก่อเหตุนั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นยังบริเวณบ้านพัก และสถานที่อื่นๆที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายืนยันว่าเป็นการซื้อข้อมูลไม่ใช่การแฮคข้อมูล ซึ่งข้อมูลบางส่วนได้ถูกทำลายไปแล้ว และยังไม่ได้นำข้อมูลดังกล่าวไปจำหน่ายแต่อย่างใด ทั้งยังยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยที่หลุดไป 55 รายชื่อนั้นไม่เป็นความจริง ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนข้อมูลที่รั่วไหลที่แท้จริง ขณะเดียวกันผู้ต้องหายืนยันว่าเป็นการกระทำเพียงคนเดียว และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าภรรยาของผู้ต้องหาเป็นพยาบาล มีหน้าที่ดูแลคนไข้บนวอร์ด ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบไอที หรือข้อมูลอื่น ๆ
ด้าน นายชัยวุฒิ คมาธมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( DES ) ยืนยันว่า การกระทำผิดของผู้ต้องหาไม่ใช่การแฮคข้อมูล และเป็นการกระทำโดยตัวคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบให้การรับสารภาพและเป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ หากพบบุคคลที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ทั้งนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้มีการสร้างระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่งประกาศใช้ในปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย แต่ยอมรับว่าการมีข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานรัฐในอดีตนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด
โดยหลังจากการมอบตัว มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้นำตัวจ.ส.ท.เขมรัฐ ไปค้นห้องพักที่แฟลตทหารภายในขส.ทบ. เพื่อตามหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทางคดี โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่เวลา 14.00 น. จะนำตัวเข้ามา โดยจ.ส.ท.เขมรัฐ ได้กล่าวขอโทษสังคม พร้อมระบุว่า ขอโทษคนไทยทุกคนที่ทำให้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ และยืนยันยังไม่ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ที่ใด ส่วนรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้างนั้น ตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปสอบปากคำต่อก่อนที่จะนำตัวส่งศาลทหาร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนและทหารพระธรรมนูญจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหาร โดยท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี โดยมีระยะเวลาฝากขังผัดแรก ตั้งแต่วันที่ 12 -23 เมษายน รวมระยะเวลา 12 วัน