เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'พรรษวุฒิ หริ่มเจริญ' อดีตผอ.สนง.ส่งเสริมการค้าประเทศชิลี เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชารายงานข้อเท็จจริงกรณีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษาลงโทษ จำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่รอลงอาญา - ป.ป.ช.ค้านอสส.ไม่อุทธรณ์คดีต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพรรษวุฒิ หริ่มเจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศประเทศชิลี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับพวก เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการให้รายงานข้อเท็จจริงกรณีรถยนต์ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก ประเทศ ชิลี ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชน
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ. มาตรา 151, 157 และ 162 (1) (4) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาว่า นายพรรษวุฒิ หริ่มเจริญ จำเลยมีความผิดตามกฎหมาย
ลงโทษรวมจำคุก 7 ปี และปรับ 60,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทษโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78
คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน และปรับ 30,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษ จำคุกมาก่อน นิสัยและความประพฤติไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง
จำเลยกระทำความผิดไปเพียงเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาในหน่วยงานที่จำเลยรับผิดชอบอยู่ มิได้เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และได้บรรเทาผลร้าย ด้วยการคืนเงิน 322,431.85 บาท ให้แก่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศครบถ้วนแล้ว
โทษจำคุก จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 28,30 (ที่แก้ไขใหม่)
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ลงมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ดังกล่าว และเห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ข่าวในหมวดเดียวกัน
- คุก 5 ปี! อดีต ผอ.วิทยาลัยอาชีพหนองแค สระบุรี ทุจริตเงินค่าเครื่องแบบนักเรียน
- คุก 5 ปี! อดีตนายกเทศฯ ปิงโค้ง ทุจริตจัดอบรมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน-ปชช.
- ยืนโทษ! คุก 2 ปี 6 ด. อดีตนายก อบต.ห้วยชมภู เชียงราย เบิกจ่ายเงินสร้างถนนเท็จ
- ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก! รอลงอาญาคุก 2 ปี 6 ด. อดีตนายกเทศฯ ห้วยเม็ก-ป.ป.ช.ค้าน
- ไม่รอลงอาญา! คุก 12 ปี อดีตนายก อบจ.กำแพงเพชร ทุจริตซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย
- คุก 5 ปี! อดีตผอ.กองสวัสดิการฯ เทศบาลเมืองบางบัวทอง ยักยอกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- คุก 20 ปี! อดีตรองกก.ผอ.ใหญ่บินไทย จัดซื้อพื้นที่ระวางบรรทุกสินค้าเอกชนมิชอบ
- ไม่รอลงอาญา! คุก 1 ปี อดีต ผอ.รร.มัธยมภูฮังฯ กาฬสินธุ์ ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
- คุก 50 ปี! อดีตนายก อบต.เมืองพาน-พวก ทุจริตเขียนเช็คสั่งจ่ายเงินให้ตนเอง
- คุก 5 ปี! อดีตผอ.รร.วังเหนือวิทยา ลำปาง ขยายเวลาสร้างอาคารเรียนมิชอบ
- คุก 3 ปี 4 ด.! อดีตนายก อบต.พะวอ ตาก ทุจริตโครงการพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร-พนง.
- ยืนโทษ! คุก 2 ปี 6 ด.คดีที่2 อดีตนายก อบต.อมก๋อย ทุจริตซ่อมถนน-ป.ป.ช.ขอฎีกาต่อ
- ป.ป.ช. เห็นตาม อสส.ไม่อุทธรณ์! คดี ‘นริศร ทองธิราช’ โดนคุก 12 ด. เสียบบัตรแทน