ตร.ญี่ปุ่นเผยขบวนการฉ้อโกงนับพัน ล. อาจมีฐานการสั่งการทางไกลจากประเทศไทย หลังฟิลิปปินส์ส่งตัวผู้ต้องหาร่วมขบวนการกลับญี่ปุ่น พบหนึ่งในสมาชิกขบวนการเคยหอบเงินมาไทยปี 60 กว่า 6 ล้านแต่ไม่สำเร็ข ถูก จนท.รวบก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวอาชญากรรมในต่างประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศไทยว่ามีข่าวจากประเทศญี่ปุ่นระบุว่าชายผู้ต้องสงสัยว่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุจารกรรมเป็นจำนวนหลายครั้งในญี่ปุ่น โดยมีการประสานงานจากในประเทศฟิลิปปินส์ด้วยนั้น ชายคนดังกล่าวนี้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการฉ้อโกงทางไกลมาจากประเทศไทย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งตัวนายยูกิ วาตานาเบะ วัย 38 ปี และบุคคลอีกรายที่ดูเหมือนกับว่าเป็นสมาชิกอาวุโสของกลุ่มชื่อว่านายโทโมโนบุ โคจิมะ วัย 45 ปี ยื่นฟ้องต่ออัยการไปในวันศุกร์ หลังจากที่เขาถูกเนรเทศออกจากฟิลิปปินส์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ และนอกจากนี้ยังมีการสืบสวนเพิ่มเติมด้วยว่าในกลุ่มโจรดังกล่าวนั้นมีผู้ที่มีส่วนในการฆาตกรรมหญิงชราวัย 90 ปี เมื่อช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับนายวาตานาเบะนั้นพบข้อมูลจากประวัติบันทึกการเข้าเมืองว่าเขาเคยอยู่ในประเทศไทยในช่วงปี 2560 และยังถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมมือกับผู้ร่วมขบวนการอีกรายในญี่ปุ่นในช่วงเดือน ส.ค. และธ.ค. 2560 เพื่อจะรวบรวมบัตรเงินสดจากเหยื่อ ซึ่งรวมไปถึงผู้สูงอายุโดยจะอ้างว่ามีบางคนได้ถอนเงินสดของพวกเขาออกจากบัญชีไป
ต่อมาในเดือน ธ.ค. 2560 กลุ่มอาชญากรเหล่านี้ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดยั้งไว้ได้ เมื่อพวกเขาพยายามจะออกจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อไปยังประเทศไทย โดยคนกลุ่มนี้พยายามที่จะซุกซ่อนเงินสดจำนวนกว่า 36 ล้านเยน (6,447,228 บาท)ซึ่งเชื่อมาจากการการจารกรรมโดยใช้บัตรเงินสด
นายวาตาบาเบะในเวลาต่อมาได้มีการย้ายฐานปฏิบัติการไปยังประเทศฟิลิปปินส์ แต่เขาก็ถูกกักตัวไว้ในเดือน เม.ย.2564 เขาและนายโคจิม่าล่าสุดนั้นถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่นไปเมื่อวันพฤหัส หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นได้ร้องขอ ซึ่งการจับกุมและการร้องขอนั้นเกิดขึนภายในวันเดียวกัน
มีรายงานว่ายังมีสมาชิกขบวนการอาชญากรอีกสองรายได้แก่นายคิโยโตะ อิมามูระ และนายโทชิยะ ฟูจิตะ ที่อายุ 38 ปีเท่ากันทั้งคู่ ซึ่งถูกส่งจับจากฟิลิปปินส์และถูกส่งตัวมาพน้อมกันในวังอังคาร ในข้อหาว่าทั้งสองคนนี้ก่อเหตุจารกรรม
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประเมินกันว่ากลุ่มอาชญากรนี้ได้มีการฉ้อโกงเหยื่อไปกว่า 6 พันล้านเยน (1,546,877,250 บาท) ก่อนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการก่ออาชญากรรมไปเป็นการลักทรัพย์