ครม.รับทราบยกเลิกโครงการ ‘หอชมเมืองกรุงเทพฯ’ มูลค่าลงทุน 4.6 พันล้าน พร้อมคืนหลักประกันฯ 204 ล้าน ให้ ‘มูลนิธิหอชมเมืองฯ’ เหตุไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขสัญญา
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. รับทราบรายงานการดำเนินการโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ กท.3275 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร และครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ รับความเห็นของประธานคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงาน ครม. ว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2559 ครม.มีมติให้โครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้ปรัชญาแห่ง ‘ศาสตร์พระราชา’ และความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ โดยมีแหล่งที่มาของเงินทุนจากเงินทุนเริ่มแรกของมูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ,เงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินบริจาคจากบริษัทชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งโครงการมีมูลค่าก่อสร้างรวมประมาณ 4,621.47 ล้านบาท
จากนั้นกรมธนารักษ์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ได้พิจารณาอนุญาตในหลักการให้มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร (มูลนิธิฯ) ได้รับสิทธิการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร และกรรมสิทธิ์บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.3275 โฉนดที่ดินเลขที่ 3346 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสานกรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 4-2-34 ไร่ มีกำหนดเวลาการเช่า 30 ปี
ต่อมา ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2560 เห็นชอบให้โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวเพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร สามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้มูลนิธิฯ ได้รับสิทธิการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าว เพื่อก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ตามสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ฉบับลงวันที่ 7 ส.ค.2561
โดยกำหนดเงื่อนไขให้มูลนิธิฯ ก่อสร้างอาคารชดเชยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 50.07 ล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารชดเชยดังกล่าว และส่งมอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาฯ มูลนิธิฯ ได้จัดส่งแบบแปลนการก่อสร้างฯ ให้กรมธนารักษ์พิจารณา
และกรมธนารักษ์ได้ตรวจแบบแปลนการก่อสร้างเพื่อให้มูลนิธิฯ นำแบบแปลนไปยื่นขออนุญาตในการก่อสร้างตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากกระบวนการและขั้นตอนการก่อสร้างโครงการหอชมเมืองฯ ถือว่ามูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาฯ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2563 ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลก สร้างความเสียหายต่อชีวิตประชาชน เศรษฐกิจของประเทศไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างสูง มูลนิธิฯและบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่จะบริจาคเงินร่วมเป็นผู้ก่อสร้างและสนับสนุนโครงการฯ ต่างได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่สามารถที่จะให้การสนับสนุนเงินทุนในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวได้
ส่งผลกระทบต่อแหล่งเงินทุนที่จะนำมาก่อสร้างโครงการฯ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนกว่าครึ่งหนึ่งของโครงการ ทำให้มูลนิธิฯ ไม่สามารถที่จะหาแหล่งเงินทุนเพียงพอที่จะดำเนินโครงการหอชมเมืองฯ ต่อไปได้ มูลนิธิฯ จึงแจ้งเป็นเหตุสุดวิสัยตามเงื่อนไขในสัญญาฯ ข้อ 12.3 เพื่อขอยุติการดำเนินโครงการและเลิกสัญญาฯ ต่อกัน
ต่อมาคณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2565 เห็นชอบให้กรมธนารักษ์เลิกสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.3275 โฉนดที่ดินเลขที่ 3346 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 4-2-34 ไร่ รายมูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานครตามที่เสนอ โดยเมื่อกรมธนารักษ์เลิกสัญญาแล้วให้รายงาน ครม.ทราบต่อไป
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้ยกเลิกสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งคืนหลักประกันก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างยกกรรมสิทธิ์ที่มูลนิธิฯ ได้วางไว้ตามสัญญาฯ เป็นเงิน 204.6 ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิฯเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงเห็นสมควรนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ครม. เพื่อรับทราบผลการดำเนินโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานครต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ได้ทำหนังสือที่ กค. 0820.1/6133 ลงวันที่ 19 ธ.ค.2565 เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. ในเรื่องดังกล่าว โดยมีเนื้อหาว่า ประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโดยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายฯ ได้มีความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. ว่า โครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นโครงการร่วมลงทุน ที่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556
โดยได้คัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล จนกระทั่งลงนามในสัญญาก่อสร้างและบริหารโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร (สัญญาฯ) กับมูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร (มูลนิธิฯ) เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2561 และในช่วงปี 2562 พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ กรมธนารักษ์จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว ในขั้นตอนการกำกับดูแลโครงการตามสัญญาฯ
และต่อมาด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้มูลนิธิฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการฯ ให้สำเร็จลุล่วงตามสัญญาฯ กรมธนารักษ์และมูลนิธิฯ จึงได้ร่วมกันพิจารณายุติโครงการดังกล่าวและเลิกสัญญาต่อกัน โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ราชพัสดุด้วยแล้ว จึงเห็นควรรับทราบผลการดำเนินโครงการฯ ของกรมธนารักษ์ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
อย่างไรก็ดี ในกรณีการดำเนินโครงการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุจากเอกชน ในกิจการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ ขอให้กรมธนารักษ์ดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงความสำเร็จและความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการต่อไปด้วย