ไวรัลล่าสุด ปลัด มท. ต่อว่า ขรก.รุนแรง โง่เป็น ค.หาว่าไม่รู้จริงเรื่องเศรษฐศาสตร์ หลังพูดเรื่องออเดอร์สินค้าเกษตรจากกรมราชทัณฑ์ ชี้จบหลักสูตร ป.ตรี-โทไม่มีคุณภาพ-ตอกกลับภูเก็ตยังมีปัญหาสิ่งแวดล้อม ลั่นจะทำหนังสือเสนอต่างชาติยกเลิกจัดงานล่าสุดเจ้าตัวขอโทษแล้ว รับเป็นคนพูดดุต้องปรับปรุง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าวอิศราได้รับคลิปเสียงนายสุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ต่อว่ากับข้าราชการบริหารส่วนท้องถิ่นที่จังหวัดภูเก็ตจนเป็นไวรัลแพร่กระจายอยู่บนโลกออนไลน์โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทั้งออนไลน์และออนไซต์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้คลิปดังกล่าวถูกแพร่กระจายเป็นไวรัลในกลุ่มอดีตข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้าราชการ : เรามีออเดอร์จากกรมราชทัณฑ์ประมาณ 1 พันตัน เราก็จะเอา 1 พันตันของสินค้าประเภทต่างๆลงไปยังพื้นที่ต่างๆ เกษตรกรที่ปลูกผักผลไม้ เราจะเริ่มตั้งแต่กระบวนการหาพื้นที่เก็บเกี่ยวและการนำส่ง
นายสุทธิพงศ์ : อุปสงค์ เท่ากับอุปทาน ภาษาเศรษฐศาสตร์นั้นคืออะไร
ข้าราชการ : ดีมานด์ ซัพพลายครับ
นายสุทธิพงศ์ : โถ่ จบอะไรมา
ข้าราชการ : รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขึ้นต้นด้วย จ.
นายสุทธิพงศ์ : ทำไม ม.โง่แบบนี้ คุณรุ่นอะไร
ข้าราชการ : รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ
นายสุทธิพงศ์ : โง่เป็น ค. เลย ห.เอ้ย เข้าปีอะไร (เป็นการใช้ถ้อยคำต่อว่าที่รุนแรง)
ข้าราชการ : ปริญญาโทครับ
นายสุทธิพงศ์ : ว่าแล้ว เพราะว่าคนที่เรียนรัฐศาสตร์ จ. เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว อุปสงค์เท่ากับอุปทานเขาเรียกว่าตลาดสัมบูรณ์ คุณเอาความต้องการของราชทัณฑ์แล้วคุณมาบอกว่าเท่ากับซัพพลายของภาคเกษตรมันไม่ใช่ ถ้าใช่คุณจะเอาสินค้าเกษตรออกนอกทำไม ก็คุณมีตลาดสัมบูรณ์แล้วคุณไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว จบปริญญาตรีที่ไหน
ข้าราชการ : มหาวิทยาลัย ส. ครับ
นายสุทธิพงศ์ : ว่าแล้ว แล้วคุณไปเรียนรัฐศาสตร์ ปริญญาโทภาคผู้บริหารหรือภาคปกติ
ข้าราชการ : IR 3 เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครับ
นายสุทธิพงศ์ : แปลว่าอะไร
ข้าราชการ : หลักสูตรหลังเลิกเรียนครับ
นายสุทธิพงศ์ : คุณไปคุยกับคณบดีให้ดีนะ โห่ มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ชอบหาเงินเปิดหลักสูตรอะไรไม่รู้มั่วไปหมด คำถามคือคุณภาพ เอามาตอบเป็นโจ๊ก
ส่วนในอีกคลิปหนึ่งมีการระบุถ้อยคำว่า
นายสุทธิพงศ์ : ที่ๆคุณอธิบายมามันผิด แผนการบริหารจัดการขยะจังหวัดภูเก็ตเนี่ยมันไม่ใช่แค่ถังขยะเปียกลดโลกร้อน คุณฟังคำถามไม่เข้าใจ แล้วคุณจะไปทำงานได้ถูกหรือ คุณเข้าใจคำถามไหม แผนบริหารจัดการปัญหาขยะ ของจังหวัดน่ะ
ข้าราชการ : เรามีแผนจังหวัดสห อยู่ครับ
นายสุทธิพงศ์ : แล้วแผนคุณว่าอย่างไร
ข้าราชการ : ก็มีการดำเนินการเรื่องขยะต้นทาง ขยะกลางทาง และก็ขยะปลายทาง
นายสุทธิพงศ์ : แล้วทำไง ต้นทางน่ะ
ข้าราชการ : ก็มีการเรื่องของการคัดแยกถังแล้วก็รณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกในครัวเรือน ในส่วนของกลางทางในระบบเก็บขน ก็ต้องไม่มีน้ำแช่ขยะ ส่วนปลายทางก็ต้องมีการกำจัดอย่างถูกหลักวิชาการ
คลิปตัดไปช่วงหนึ่ง
นายสุทธิพงศ์ : น่าสงสารจริง พอเหอะ ช่วยบอกผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนะว่า สุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอร้องให้ถอนตัวออกจากสมัครเป็นอะไรโลกของเขาเนี่ย ที่ต้องเดินทางไปชี้แจงที่ฝรั่งเศสเนี่ย เดี๋ยวผมจะทำหนังสือแจ้งนานาชาติให้ว่าภูเก็ตเนี่ยไม่ควรเป็นหรอก เพราะคุณยังไม่ดูแลสิ่งแวดล้อม คุณยังไม่ได้บริหารจัดการให้ผู้คนที่ภูเก็ตได้ตื่นตระหนกตกใจกับภาวะโลกร้อนและมีวัฒนธรรมของการเป็นคนที่จะช่วย Change for Good ให้เกิดขึ้นกับโลกหรอก ยิ่งไปเอาคนต่างชาติมาเยอะๆ เจ๊ง
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทยรายหนึ่งกล่าวว่าหลังจากที่เห็นคลิปครั้งแรกนึกว่าเป็นคลิปตัดต่อ ฟังแล้วรู้สึกตกใจ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นคลิปของจริงเป็นการพูดจาที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากคลิปดังกล่าวเป็นไวรัลไปไม่นาน นายสุทธิพงศ์ได้กล่าวชี้แจงและขอโทษผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองมีใจความว่า
"ผลจากการประชุมติดตามงานจังหวัดกรมและรัฐวิสาหกิจของผมประจำเดือนธันวาคม 2565ผ่านระบบVIDEO CONFERENCE ที่ผมและผู้บริหารส่วนกลาง ส่วนพี่ๆน้องๆอีก 76 จังหวัดอยู่ที่ห้องประชุมจังหวัด มีแต่เรื่องงานที่ผมในฐานะผู้นำหน่วยฝ่ายประจำให้ผู้บริหารส่วนกลาง คือ อธิบดีทุกกรม ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยชี้แจงผลการดำเนินงาน และติดตามงาน มีประเด็นที่ถูกนำไปแชร์ กันมาก คือ เรื่องผมด่าผู้แทนขององค์การตลาด ด้วยคำหยาบคาย
ผมเองต้องยอมรับว่าพูดจริง และเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม ต้องขอโทษทุกท่านด้วยครับ เพราะไม่พอใจที่นำเรื่องเก่าที่เคยนำเสนอมาหลายครั้งแล้ว และไม่มีการนำเสนอผลงานใหม่หรือ เรื่องที่ผมคาดหวังว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน จึงทำให้ไม่ทันยั้งคิด และเกิดถ้อยคำรุนแรง ไม่เหมาะสม สำหรับเรื่องถ้อยคำขอน้อมรับด้วยความเสียใจและขอกราบเรียนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่ดูหมิ่นสถาบันการศึกษาใดๆเลย ในฐานะที่ผมเองเป็นนักเรียนโรงเรียนวัด โรงเรียนต่างจังหวัดอยากให้ทุกคนช่วยกันพัฒนางาน ไม่ใช่เสนออะไรไม่รู้เรื่อง แต่ขอย้ำว่าตลอดระยะเวลาที่รับราชการมา มีเจตนาเพื่อประชาชน เพื่อความสุข ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และเหตุการณ์ครั้งนี้จะใช้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ใจเย็น และคิดทบทวบให้รอบคอบยิ่งขึ้น
แต่ขอเรียนยืนยันว่าผมเคยแจ้งพี่ๆน้องๆชาวมหาดไทย ทุกคนให้ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าผมเป็นคนพูดจาสไลต์ ลูกทุ่ง อาจมีการดุด่าลูกน้อง เพื่อเร่งรัดงานเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ในชีวิตรับราชการมา 34 ปีเศษแล้วผมไม่เคยด่าพี่น้องประชาชน มีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสทำตัวเหมือนลูกหลานญาติมิตร เพราะผมตระหนักถึงฐานะข้าราชการผู้มีหน้าที่รับใช้ประชาชน ผมทำความเข้าใจกับทุกคนมาหลายครั้งแล้วว่านิสัยผมเป็นเช่นนี้ แต่น้ำใสใจจริงไม่ใช่ด่าลูกน้องเพราะเจ็บแค้นโกรธเคืองขอยืนยันครับกรณีของดังกล่าวมีการรายงานที่ประชุมถึงสิ่งที่จะทำ
แต่เป็นการนำเรื่องที่เคยนำมาแจ้งที่ประชุมแล้วหลายต่อหลายครั้ง (ประชุมเดือนละครั้ง) ผมก็ต่อว่าไปว่านำเรื่องที่เคยนำมานำเสนอ หลายครั้งแล้ว แถมยังไม่มีเรื่องความคืบหน้าของงานที่เป็นรูปธรรมใดๆมาแจ้งเลย ก็คุยกันในที่ประชุมถามมาตอบไปตามสไตล์ของผมคนที่อยากให้ข้าราชการขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน คนตอบๆไม่รู้เรื่อง
แน่นอนผมเป็นผู้นำที่อาจไม่ดีในสายตาของใครหลายคนได้ แต่รับรองไม่ได้มีเจตนาดูถูกเหยียดหยามใครๆ ผมมีจุดมุ่งหมายต้องการให้ทุกคนในมหาดไทยทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง เพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อประเทศชาติโดยรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และยืนยันว่าเป็นการประชุมภายในของผมและเพื่อนร่วมงาน ผมในฐานะคนชนบท โดยกำเนิด อาจจะชิน กับการพูดเสียงดัง และบางครั้งอาจพูดจาดุ ผมต้องกราบขออภัยทุกท่านที่ใช้คำพูดไม่เหมาะสม เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าที่ต้องนึกถึงคำเตือนของภรรยาผม นึกถึงผู้ใหญ่ที่เคยตักเตือนแนะนำในเรื่องนี้กับผมหลายต่อหลายครั้งว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเลิกการด่าลูกน้องด้วยคำพูดที่สังคมกำลังตำหนิผม แม้ว่าผมจะแก่แล้ว ใกล้เกษียณอายุราชการแล้ว
กราบขอบพระคุณ,ขอบคุณ ทุกท่านที่ตำหนิติเตียนผมด้วยความหวังดี ซึ่งรวมทั้งลูกสาวและภรรยาที่รักของผมด้วย ไม่ใช่เฉพาะคนภายนอกและขอเรียนยืนยันว่าผมมีความมุ่งมั่นเกินร้อยที่จะทำหน้าที่ของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ดีเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน ให้หนักกว่าเดิมในปีใหม่2566 ที่จะถึงนี้เพราะเวลาของการเป็นข้าราชการที่จะได้ทำงานช่วยเหลือประเทศชาติประชาชนของผมเหลือน้อยมาก ใกล้ถึงเวลาเกษียณอายุราชการแล้ว"