เผยความคืบหน้าดีเอสไอ ลุยสอบปมรุกป่าที่ดินลำน้ำสาธารณะ ในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ชาวบ้านแห่รอให้ข้อมูลจนท.เพียบ เจอร่องรอยขยายพื้นที่ครอบครอง ถมดิน ย้ายก้อนหิน ขนาดใหญ่จากลำน้ำว้า ปิดทางสาธารณะให้แคบ สนง.เจ้าท่าภูมิภาคแพร่รับพิจารณาร้องทุกข์กล่าวโทษพนง.สอบสวน-ป่าไม้รับดูปมบุกรุก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานรัฐ ลงพื้นที่บ้านสว้าเหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ตรวจสอบกรณี ประชาชนร้องขอให้ตรวจสอบโดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ บุกรุกเข้าครอบครองที่ป่า บุกรุกที่สาธารณะและเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า การถมที่ดินริมน้ำ ขยายพื้นที่ทับลำน้ำ หวงกันพื้นที่ริมน้ำไว้เป็นของตนเอง จนทำลายแหล่งพันธุ์ปลา ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมทั้งปิดทางเดินสาธารณะเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนไม่สามารถใช้ลำน้ำได้อย่างปกติ พบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างรีสอร์ท จำนวน 2 แห่ง สร้างโรงเรือนที่พักส่วนตัวและที่พักคนงาน บริเวณก่อสร้างอยู่ใกล้กับฝายชลประทาน ทำให้เสี่ยงต่อการพังทลายในช่วงน้ำหลากอย่างมาก
- ถึงมือดีเอสไอ! สอบปมรีสอร์ทรุกป่า จ.น่าน พบไม่มีเอกสารสิทธิ์ แบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้าง 2 แห่ง
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราถึงผลการลงพื้นที่ตรวจการสร้างรีสอร์ตรุกป่า ที่ดินและลำน้ำสาธารณะ ในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ว่า ผลการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก มารอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้ครอบครองพื้นที่ลำน้ำว้า ทำให้แหล่งเพาะพันธุ์ปลา พืชผักตามธรรมชาติซึ่งเคยมีอยู่บริเวณนั้นจำนวนมากถูกทำลาย เนื่องจากลำน้ำว้าเป็นแหล่งต้นน้ำสายสำคัญ ที่เป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำน่าน ที่ไหลรวมจากภาคเหนือลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
จากการตรวจสอบยังพบร่องรอยการขยายพื้นที่การครอบครอง ถมดิน ย้ายก้อนหิน ขนาดใหญ่จากลำน้ำว้า มีร่องรอยน้ำเปลี่ยนทิศ ที่ดินฝั่งตรงข้ามถูกกระแสน้ำเซาะจนพังทลาย พยานบุคคลและผู้นำชุมชน มาให้การยืนยันว่ามีการปิดทางสาธารณะให้แคบลง ซึ่งใช้เป็นทางเข้าออกเดิมของหมู่บ้านอีก 3 หมู่บ้าน ทำให้ขาดความสะดวกในการเดินทางสัญจร ตัวแทนประชาชนได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้ช่วยบังคับใช้กฏหมายตามอำนาจหน้าที่ และยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อขอให้มาตรวจสอบกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
สรุปผลการบูรณาการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ แบ่งได้เป็น 2 ประเด็น ดังนี้
1. การบุกรุกที่ป่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ได้รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบแนวเขตป่า ว่าพื้นที่ที่ถูกร้องเรียนอยู่ในเขตป่าหรือไม่ และเข้าข้อยกเว้นผ่อนผันให้อยู่ในพื้นที่โดยไม่ถูกบังคับใช้กฏหมายหรือไม่ หากฝ่าฝืนกฏหมายจะบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไป
2. การเปลี่ยนแปลงรุกล้ำเส้นทางน้ำว้า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ รับจะพิจารณาดำเนินการ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (สำนักงาน ปปท. เขตพื้นที่ 5) จะตรวจสอบและกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างถูกต้องและเหมาะสม ต่อไป