โดนแล้ว! ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิด 'ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม' อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ คดีเงินอุดหนุนวัดปากน้ำเป็นทางการ เผยเสียงเอกฉันท์ ฟัน ม.157 , ส่วน 151 คะแนน 5:2 เสียง
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติชี้มูลความผิด นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กับพวก ในคดีร่วมกันพิจารณาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้กับวัดโดยมิชอบหรือโดยทุจริตเป็นทางการ
โดยคดีนี้ นายชนม์สวัสดิ์ ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 2 มาตรา คือ 151 และ 157
โดยข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดนายชนม์สวัสดิ์
ส่วนข้อกล่าวตามมาตรา 151 ที่ประชุมมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ว่า นายชนม์สวัสดิ์ มีความผิด
โดยกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย คือ นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. และนายวิทยา อาคมพิทักษ์ เนื่องจากเห็นว่า นายชนม์สวัสดิ์ มีความผิดเฉพาะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เท่านั้น
เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยรายงานไปแล้วว่า ป.ป.ช.ตั้งไต่สวนนายชนม์สวัสดิ์ กับพวกรวม 11 ราย รายละเอียดเนื้อคดีนี้ เกิดขึ้นในช่วงปี 2554-2556 อบจ.ได้ตั้งงบประมาณรายจ่าย หมวดเงินอุดหนุนให้แก่วัดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยนายชนม์สวัสดิ์ กับพวก ได้ร่วมกันอนุมัติคำขอ เพื่อบรรจุโครงการก่อสร้างของวัดเข้าแผนพัฒนาสามปีของ อบจ.สมุทรปราการ จำนวน 20 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการปรับปรุงซ่อมแซมบูรณะฌาปนสถาน หรือเมรุ และซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถ
ที่ผ่านมาปรากฎข่าวว่า มีการบรรจุวาระผลการไต่สวนคดีนี้ เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณามาแล้วหลายรอบ แต่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ก็มติเห็นชอบให้ไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมหลายประเด็นที่ยังไม่ครบถ้วน
ส่วนผลการชี้มูลความผิดในส่วนของผู้ถูกกล่าวหารายอื่น 11 ราย ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลรายละเอียดเป็นทางการในขณะนี้ ว่าผู้ถูกกล่าวหารายใดถูกชี้มูลความผิดบ้าง
อย่างไรก็ดี คดีนี้การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าวในหมวดเดียวกันประกอบ