'อนุทิน' ตอบสื่อต่างชาติ ไทยพร้อมเปิดตลาดเป็นผู้นำนโยบายกัญชาเพื่อสุขภาพ เตรียมหารือมาเลเซียแบ่งปันภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ยันไม่ได้เปิดสูบเสรี มั่นใจร่าง พ.ร.บ.ฯ เสร็จสัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ตอบคำถามสื่อต่างชาติ ภายหลังพิธีเปิดงาน Meet the Press 'กัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ' ว่า ยืนยันไทยพร้อมเป็นผู้นำนโยบายกัญชาเพื่อสุขภาพ โดยคณะรัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซียขอเข้าพบระหว่างการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 12 สัปดาห์หน้า โดยตนมีแผนพาคณะดูงาน แบ่งปันภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยสู่ประชาคมโลก
ผู้สื่อข่าวต่างชาติถามว่า รัฐมนตรีคาดหวังว่าอุตสาหกรรมกัญชาจะทำเงินให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นจำนวนเท่าไหร่ นายอนุทิน ตอบว่า เบื้องต้นเราคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้จะสร้างรายได้ในช่วงต้นประมาณ 1.5 พันล้านดอลล่าร์ และการเติบโตจะอยู่ในอัตราคูณสองถึงสามเท่าเมื่อพ้นปีแรกๆไป
"ทุกคนจะได้ประโยชน์ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพืชกัญชานี้ คือการที่เราสามารถสร้างรายได้จากทุกส่วนของมัน ดังนั้น กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์กลุ่มแรกคือชาวไร่ที่เพาะปลูก และผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมนั้น นอกจากนั้นก็เป็นประชาชนที่นำส่วนต่างๆของกัญชามาสร้างผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอาง ส่วนประกอบอาหาร ฯลฯ ดังนั้น สิ่งนี้จะสร้างผลประโยชน์ที่หมุนไปได้หลายรอบ และจะเป็นประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ชี้แจงถึงกรณีการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ว่า เราโฟกัสกับการใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น ในประเทศไทยตอนนี้ เราไม่ส่งเสริมการใช้เพื่อสันทนาการ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปตลอดกาล มันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้เมื่อผู้คนเข้าใจถึงการใช้กัญชาอย่างถูกต้องอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อาจจะในอนาคตอันใกล้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า รัฐมนตรีจะมีคำแนะนำอย่างไรกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นายอนุทิน กล่าวว่า เราได้มีคำแนะนำสำหรับภาคการท่องเที่ยวไปแล้ว โดยเราพูดเสมอว่าในทุกแพลทฟอร์มของนโยบายกัญชาของไทยนั้น เราเน้นเพียงการใช้กัญชาทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพ ไม่มีอย่างอื่น ดังนั้น การไปพูดกันว่ามาเมืองไทยเพราะมีกัญชาเสรีและสูบที่ไหนก็ได้นั้น คือข่าวปลอม ไม่เป็นความจริง และเราไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบนั้น เราต้องการให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยแล้วเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีของเรา และเห็นความงดงามในประเทศเรา
นายอนุทิน ให้ข้อมูลถึงการพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายกัญชากับกลุ่มประเทศอาเซียน นอกเหนือจากมาเลเซีย ว่า เราได้มีการพูดคุยกันในหลายประเทศ แต่รัฐมนตรีสาธารณสุขของมาเลเซียนั้น ท่านได้แสดงความสนใจ และเชื่อว่าการใช้กัญชาทางการแพทย์จะเป็นประโยชน์กับประเทศของท่านเช่นกัน ดังนั้น ท่านจึงถือโอกาสของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนสัปดาห์หน้า ในการขอพบเพื่อพูดคุยเรื่องนี้กับผม และเราจะนำท่านชมสิ่งต่างๆที่เราทำเกี่ยวกับนโยบายกัญชาของไทย ดังนั้น หัวข้อในการพูดคุยก็คือจะร่วมกันผลักดันนโยบายนี้อย่างไร เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ ทางการแพทย์ การดูแลผู้ป่วยด้วยผลิตภัณฑ์กัญชา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะแชร์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์แผนไทยให้ด้วยหรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่า แน่นอน เราไม่มีอะไรจะปิดบัง เราต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงคุณประโยชน์ของพืชกัญชา และยิ่งมีคนสนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้เกิดพัฒนาการ การวิจัยมากขึ้น ที่สุดแล้วก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคนในทุกประเทศที่เชื่อมั่นในนโยบายนี้
นอกจากนี้ยังมีคำถามว่า ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีนโยบายกัญชา มีความหวังว่าประเทศไทยจะเป็นผู้ทรงอำนาจในด้านนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราหวังเช่นนั้น และเราต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผู้คนไม่ควรจะด้อยค่านโยบายนี้ เราได้ทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจแล้วว่า การใช้กัญชาอย่างผิดวิธีนั้นผิดกฎหมาย และจะถูกดำเนินคดี เราเชื่อว่าถ้าทุกอย่างควบคุมได้แบบตอนนี้ นโยบายนี้ก็สามารถจะถูกผลักดันในเชิงบวก และจะสร้างผลประโยชน์อีกมากมายให้กับประเทศ
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงกรณีร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... จะพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายการประชุมสภาฯสมัยนี้ ว่า นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ก็ยืนยันว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ต่อให้พิจารณาในการประชุมสภาฯสมัยนี้ไม่แล้วเสร็จ แต่ก็จะได้รับการพิจารณาในลำดับต้นๆของการประชุมสภาฯสมัยหน้า
“เชื่อว่าจะได้ผลตอบรับที่ดี เพราะกรรมาธิการฯประกอบด้วยทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้ทรงคุณ แพทย์ นักวิชาการ และเอ็นจีโอต่างๆ และเราก็ฟังเสียงประชาชนที่มีข้อกังวลในประเด็นนี้ ก็นำมาใส่ในกฎหมายฉบับนี้ด้วย แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ แต่ก็มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นไปตามพ.ร.บ.สาธารณสุขที่ใช้ควบคุมอยู่ในขณะนี้ ไม่มีปัญหาอะไร” นายอนุทิน กล่าว