'ธีรัจชัย' ตั้งปมซักฟอกบารมีล้นฟ้า แทรกแซงองค์กรอิสระตรวจสอบตัวเอง 'ประวิตร' ตอบมีเพื่อนดี รักกันมาก ให้ยืมนาฬิกาหรู ปัดเอี่ยวปฏิวัติ ชี้ 'ประยุทธ์' ทำคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 วันที่สอง กรณีสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ตามที่ ส.ส.ฝ่ายค้านเสนอ ภายใต้ยุทธการณ์ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.2565
เมื่อเวลา 16.40 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กลับทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ใช้อำนาจ บารมีล้นฟ้า มากกว่าตำแหน่งที่ดำรง แทรกแซง ป.ป.ช. และกรมศุลกากร ให้ช่วยเหลือพ้นจากคดี ไม่สมควรดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
โดยกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการครอบครองนาฬิกาหรู 20 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร ที่ไม่สามารถตราวจสอบให้เกิดความชัดเจนได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการตรวจสอบโดย ป.ป.ช.ที่ถูกตั้งมาในช่วงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงถูกสร้างระบบควบคุม และใช้บารมีดำเนินการ เพราะหากเป็นมาตรฐานเดียวกันต้องตัดสินคดีด้วยมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนั้นยังพบว่ากรมศุลกากรก็มีปัญหาเช่นกัน ได้รับข้อมูลนาฬิกา 20 เรือนแต่ไม่ตรวจสอบอะไร ไม่ได้ยึดของกลาง เพียงแต่ให้ลูกสาวของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ นักธุรกิจชื่อดังที่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ 4 ก.พ.2560 ส่งภาพถ่ายเพียงอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายธีรัจชัยอภิปราย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงหลายครั้ง โดยมองว่าเป็นเรื่องเก่า ซ้ำซาก และเป็นการอภิปรายวนเวียนพุ่งประเด็นที่ ป.ป.ช. และกรมศุลากร มากกว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร กระทั่ง นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ที่ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ว่า กำชับให้นายธีรัจชัย อภิปรายเข้าสู่ประเด็น และอย่าอภิปรายเลียบค่าย
ต่อมา นายธีรัจชัย อภิปรายว่า ขอถาม พล.อ.ประวิตรว่า เนื่องจากว่ากรมศุลกากรให้ซื้อนาฬิกาคืน 19 ล้านบาทเป็นการกระทำของท่านที่ใช้อำนาจใช่หรือไม่ ไม่ยอมนำนาฬิกาตัวจริงมาไว้ที่กรมศุลากร แต่ส่งภาพถ่ายมาไว้เฉยๆ เป็นการกระทำของท่านใช่หรือไม่ ซึ่งผิดปกติกับคดีทั่วไป สิ่งเหล่านี้เกิดจากการใช้อำนาจของ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่
จากนั้นนายธีรัจชัย ได้นำภาพนาฬิกาหรู 20 เรือน ระบุยี่ห้อ ซีเรียลนัมเบอร์ หมายเลขประจำเรือน เพื่อให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง “ขอถามท่านประธานผ่านไปยัง พล.อ.ประวิตร ว่าท่านได้แทรกแซงองค์กรอิสระที่ตรวจสอบ แทรกแซงกรมศุลกากรเพื่อช่วยคดีของท่านหรือไม่ เพราะกระบวนการตรวจสอบที่ควรจะเป็นมันไม่เกิดขึ้น อย่าบอกว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้วจะทำอะไร เพราะท่านมีอำนาจถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นพี่ใหญ่” นายธีรัจชัย กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ชี้แจงทันทีว่า "ขอเรียนว่าข้อกล่าวหาของผู้อภิปราย ทั้งเรื่องนาฬิกาทั้งหมดไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่อาจก้าวล่วงไปในเรื่องของ ป.ป.ช.ได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องที่ผมจะมีเพื่อนดีสักคน ของคุณคงไม่เคยมี ผมมีเพื่อนดี คือ คบกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ลูกสาวเขาก็เหมือนลูกผม"
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวชี้แจงเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร โดยชี้ไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมกล่าวว่า “เรื่องของปฏิวัติ ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง นี่ครับคนปฏิวัติ ท่านนายกรัฐมนตรีคนเดียว ท่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมยังไม่รู้เลยว่าจะปฏิวัติเมื่อไร 3 ป. 3 เปอ อะไรพูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้าว่าดีกว่าครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงท้าย เจ้าหน้าที่ได้เปิดสไลด์โชว์ เป็นข้อความชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “เป็นนาฬิกาของเพื่อนที่รักกันมาก ให้ยืมมาใส่ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทสนมกัน ตั้งแต่อยู่ในชั้นมัธยมฯ ที่โรงเรียนเซ็นต์คาเบรียลได้ติดต่อคบหากันอย่างใกล้ชิด สนิทสนมต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลามากกว่า 50 ปี”