‘นิพนธ์’ โต้ ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาเป็นผู้มีอิทธิพล หลังมีมติเสียงข้างมากฟ้องคดีไม่จ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ 2 คัน 50 ล้านบาท ย้ำขอปกป้องสิทธิ์ พร้อมสู้ทุกศาล ด้าน ‘นิวัติไชย’ แจงคำว่าอิทธิพล ไม่ใช่ความหมายเชิงลบ แต่สื่อถึงผู้กว้างขวางในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีข่าวที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ยื่นฟ้องคดีกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา โดยให้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนการฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 โดยระบุกล่าวหาว่า เป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดสงขลา ว่า ที่ผ่านมาตนเคยร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปหลายครั้ง ในฐานะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่างๆหลายกรณี แต่ไม่เคยได้รับการตอบรับ และดูเหมือนว่ามีธงในใจหรือไม่ เพราะไม่เคยได้รับการพิจารณาในการส่งทั้งพยานและหลักฐานเลย
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ตนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องชื่อเสียง เพราะการประมูลจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ของ อบจ.สงขลา จัดประมูลถึง 3 ครั้ง โดยในครั้งที่ 3 ทำในยุคที่ตนเป็นนายก อบจ. ซึ่งขณะนี้คนที่ฮั้วประมูลก็หลบหนีหมายจับของศาลทุจริตฯภาค 9 รวมถึงผู้ชนะการประมูลในครั้งที่ 3 ที่เราพบว่ามีการฮั้ว มีการใช้เอกสารเท็จ โดยปลอมแปลงเอกสารด้วย ดังนั้นการกล่าวหาว่าตนเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นการกล่าวหาที่ใส่ร้ายเกินไปหรือไม่ ตนประกอบอาชีพทนายความ ครอบครัวทำอาชีพสุจริต มีโรงงานบรรจุปลากระป๋องทูน่าส่งออก นำรายได้เข้าประเทศปีละ 5-6 พันล้านบาท ไม่เคยเก็บค่าคุ้มครอง ไม่เคยเปิดบ่อนซ่องหวย ไม่เคยรับส่วยใครทั้งสิ้น การกล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้เสียหายมาก ตนมีสิทธิ์ขอความเป็นธรรม และยังเชื่อมั่นว่า กระบวนการยุติธรรม ศาลสถิตย์ยุติธรรมไทย ยังเป็นที่พึ่งของสังคมไทยได้ โดยพร้อมที่จะต่อสู้พิสูจน์ในทุกศาล และเชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรมเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน
เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนไม่ประสงค์จะเป็นปฏิปักษ์กับ ป.ป.ช. แต่จะร้องขอความเป็นธรรมแทน ทั้งนี้ตนติดใจมากอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.ป.ป.ช.ระบุว่า ขอให้โอนคดีนี้ไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนที่จะฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ตามหลักปกติ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุของคดีนี้ 2.การให้ข่าวโดยใส่ร้ายว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดสงขลา มันเลยเถิดไปไกลถึงกับกล่าวหากันอย่างนี้แล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงควรระมัดระวังในการจะกล่าวหาใคร เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
“ผมเองก็มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค และมีตำแหน่งเป็น รมช.มหาดไทยในรัฐบาลปัจจุบัน การให้ข่าวโดยระบุว่า ผมเป็นผู้มีอิทธิพล ผมเสียหายมาก ทั้งยังกระทบต่อพรรค และรัฐบาล จึงไม่น่าเชื่อว่า จะมีการออกมาให้ข่าวมาจากป.ป.ช.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ทั้งที่ตามหลักกฎหมายต้องยึดหลักว่า ผู้ถูกกล่าวหาทุกคน ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ที่ศาลตัดสินคดี แต่มองแล้วว่า เขาประสงค์จะดำเนินคดีกับผมแน่ โดยเฉพาะการระบุว่าให้ฟ้องคดีต่อศาลทุจริตฯ กลางแทนการส่งฟ้องต่อศาลทุจริตฯ ภาค 9 ซึ่งถ้าดำเนินคดีนี้ต่อศาลทุจริตฯภาค 9 ศาลก็จะเห็นถึงความแตกต่างของคดี และเทียบเคียงข้อเท็จจริงได้ โดยใช้ความรอบคอบในคดีมากยิ่งขึ้น” นายนิพนธ์ กล่าว
‘นิวัติไชย’ แจง ‘อิทธิพล’ ไม่ใช่คำเชิงลบ
วันเดียวกันนี้ ไทยโพสต์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า คำว่าอิทธิพล ไม่ใช่แปลความในทางลบ แต่หมายถึงผู้กว้างขวาง คนรู้จักเยอะ เพราะอยู่ในพื้นที่มาก่อน อาจจะรู้จักทั้งประชาชน ทั้งข้าราชการ ดังนั้นหลักการคือเราไม่ได้ดูที่ทางศาล เราดูจากในพื้นที่ ซึ่งการที่นำพยานบุคคลไปไต่สวนในพื้นที่เราต้องคุ้มครองเขา ซึ่ง ป.ป.ช.มองว่าหากมาไต่สวนในกทม.เราจะคุ้มครองพยานได้ดีกว่า และเขากล้าที่จะพูดความจริงได้มากกว่า
“การไปแปลความเองว่าอิทธิพลหมายถึงเป็นผู้ค้ายา หรือเป็นมาเฟีย ขายของผิดกฎหมาย เราไม่ได้หมายถึงอิทธิพลในทางแบบนั้น แต่คำว่าอิทธิพลในความหมายนี้คือเป็นผู้กว้างขวาง เช่นคุณเป็นนายกฯอบจ.คุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็น ส.ส. คุณมีอิทธิพลหรือไม่ คุณเป็นนักการเมืองประชาชนเชื่อถือหรือไม่ นั่นหมายถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด เพราะฉะนั้นก็ต้องแปลความให้ดีๆ แต่เขาอาจจะเข้าใจผิด” นายนิวัติไชย กล่าว
นายนิวัตไชย กล่าวอีกว่า ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการฟ้องนอกเขตอำนาจศาลนั้น ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ที่ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ ซึ่งตามมาตรา 22 อนุ 1 กำหนดว่าการฟ้องทำได้ 2 กรณี คือฟ้องในเขตอำนาจศาล และฟ้องในถิ่นที่อยู่อาศัยของทางผู้ถูกกล่าวหา จำเลย หรือสถานที่ที่เกิดเหตุ ซึ่งในเรื่องที่อยู่เราดูว่านายนิพนธ์ดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ก็มีถิ่นที่อยู่ในกรุงเทพ จึงฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ แต่สุดท้ายก็เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะรับฟ้องหรือไม่ หรือจะให้ไปฟ้องที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อถือศาล