มติสภาผู้แทนราษฎร 373 ต่อ 7 เสียง งดออกเสียง 23 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง วาระแรก พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ 25 คน กำหนดเวลาแปรญัตติ 15 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ..... (ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง) ซึ่งเสนอโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กับคณะ นอกจากนั้นยังให้นำ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ กัญชา กัญชง พ.ศ.... ซึ่ง นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ กับคณะเป็นผู้เสนอ มาพิจารณาไปในคราวเดียวกัน
เมื่อเวลา 17.20 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาลงมติร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ.... และ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ กัญชา กัญชง พ.ศ...ในคราวเดียวกัน โดยที่ประชุมมีมติ 373 ต่อ 7 เสียง งดออกเสียง 23 เสียง รับหลักการในวาระที่ 1
โดยที่ประชุมเห็นชอบตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมาย 25 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของ คณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 คน พรรคการเมือง 20 คน ประกอบด้วย เพื่อไทย 6 คน พลังประชารัฐ 4 คน ภูมิใจไทย 3 คน ประชาธิปัตย์ 2 คน ก้าวไกล 2 คน เศรษฐกิจไทย 1 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน เสรีรวมไทย 1 คน
ทั้งนี้กำหนดเวลาแปรญัตติ 15 วัน โดยให้ใช้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของนายอนุทิน เป็นร่างหลักในการพิจารณาในวาระที่ 2
‘อนุทิน’ แง้มปลูกในครัวเรือน อาจไม่เก็บค่าธรรมเนียม
เมื่อเวลา 16.50 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายปิดว่า หลายเรื่องที่ได้มีการอภิปราย เป็นประโยชน์มากในฐานะ รมว.สาธารณสุข เป็นเจ้าของนโยบายกัญชากัญชงเสรีทางการแพทย์ ซึ่งจะได้มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์ ระเบียบให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด เช่น อัตราค่าธรรมเนียมท้ายร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้นำมาจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดเดิม ซึ่งจะต้องถูกปรับแก้ให้ลดลง หรือไม่มีการจัดเก็บเลยสำหรับการปลูกในครัวเรือน ส่วนภาคธุรกิจก็จะจัดเก็บในอัตราที่เหมาะสม ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับสภาจะมีส่วนร่วมในการกำหนด ส่วนตัวยืนยันว่าจะประกาศให้เป็นไปตามความเห็นชอบของสภาทุกประการ
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เราต้องการให้กัญชามาเป็นพืชที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นพืชที่สร้างนวัตกรรมและสร้างรายได้ให้กับประชาชน มีการวิจัยว่าตลาดกัญชาทั่วโลกปี 2567 จะมีมูลค่ามากถึง 3.5 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 60% หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาทจะเป็นสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ส่วนที่เหลืออีก 1.5 ล้านล้านบาทนั้นจะนำไปใช้สันทนาการ ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม มูลค่าที่สูงเหล่านี้ เป็นโอกาสของเกษตรกร และผู้ประกอบการของไทยมีส่วนแบ่งตลาดของโลกนี้
“วันนี้เราได้เปลี่ยนกัญชาจากพืชเสพติดกลับมาเป็นพืชสมุนไพร นำมาทำเป็นยา วัตถุดิบผลิตสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เราเสียโอกาสไปมากแล้ว อยากเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ออกมาเป็นกฎหมายของประชาชนเพื่อประชาชนอย่างจริงจัง” นายอนุทิน กล่าว
ปชป.ชี้ร่างกฎหมาย ส่อได้ประโยชน์เฉพาะทุนใหญ่
ก่อนหน้านี้ นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เจตนารมณ์ของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มุ่งเฉพาะการใช้ทางการแพทย์กับอุตสาหกรรม ไม่มีคำว่าสันทนาการและการใช้ในครัวเรือน อาจเป็นปัญหาในชั้น กมธ.ที่จะไม่พิจารณาเรื่องการใช้ทางสันทนาการและการใช้ในครัวเรือน โดยอ้างไม่มีเนื้อหาอยู่ในหลักการ สุดท้ายแล้วกฎหมายนี้จะได้ประโยชน์เฉพาะอุตสาหกรรมรายใหญ่ทางการแพทย์ และนายทุนรายใหญ่เท่านั้น
กฎหมายนี้ต้องนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แก้ปัญหาความยากจน ไม่ใช่ขยายความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เพราะค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปลูกกัญชาที่ราคาแพง ทำให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนเข้าไม่ถึง ควรยกเว้นค่าธรรมเนียมให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนอย่างน้อย 5 ปี อย่างไรก็ตามตนพร้อมสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ แต่ต้องสร้างสมดุลให้ได้ระหว่างประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรและประโยชน์ทางการแพทย์ และไม่เป็นอันตรายต่อต่อเยาวชน จะต้องสร้างสมดุลเรื่องเหล่านี้ให้ได้
‘ประชาชาติ’ประกาศคว่ำ หวั่นคนเสพพุ่ง-สถาบันครอบครัวอ่อนแอ
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ตนและพรรคประชาชาติไม่อาจรับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่ผ่านมาพรรคจะยึดหลักในการพิจารณาเสมอว่า ร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาแต่ละฉบับขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ประเทศและประชาชนได้ประโยชน์หรือไม่ เช่นเดียวกับร่างกฎหมายนี้ คณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือว่ากัญชา กัญชง ถือเป็นสารเสพติดเช่นเดียวกับสุรา หากจะนำมาใช้ทางการแพทย์สามารถใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น หมายถึงไม่มียาตัวอื่นจะรักษาได้แล้วจึงจะอนุญาต นั่นหมายถึงกัญชาคือฮะรอม ดังนั้น พรรคประชาชาติจึงไม่สามารถรับหลักการได้
“รู้สึกเป็นห่วงที่ปลดล็อคกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ประเทศอื่นๆรอบข้างเรายังไม่มีอนุญาตให้เป็นกัญชาเสรี ประเทศเราจะเป็นแหล่งที่มีกัญชามากที่สุดในย่านนี้ ส่งผลให้โครงสร้างทางสังคม สถาบันครอบครัวอ่อนแอลง ขนาดมีมาตรการและกฎหมายเอาผิด เรายังเอาไม่อยู่ ร่างกฎหมายฉบับนี้เน้นด้านเศรษฐกิจ ส่วนมาตรการป้องกันมีเพียงมาตราเดียว คือมาตรา 37 ป้องกันไม่ให้เยาวชนติดยาหรือเข้าถึงกัญชาได้โดยง่าย โดยห้ามขายให้กับบุคคลที่มีอายุไม่ถึง20ปี” นายกมลศักดิ์ กล่าว
นายกมลศักดิ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก รัฐต้องรักษาคนติดยาเสพติด 2 หมื่นบาท ต่อคน ต่อเดือน ตนมีสถิติว่าขณะนี้มีคนติดกัญชาแล้ว 1.89 ล้านคน ถือว่าสูงมาก และจะมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่าน เพราะประตูสู่สารเสพติดประเภทกัญชาได้เปิดกว้างแล้ว ใครจะไปดูแลควบคุมว่า ปลูกที่บ้านแล้วจะไม่มีการไปแปลงกับยาแก้ไอเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้สำหรับสาระ ของ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกัน คือ สนับสนุนให้นำกัญชาและกัญชงใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และใช้ตามวิถีชุมชน พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออก ขายหรือมีไว้ในครอบครอง รวมถึงควบคุมการขาย โฆษณา รวมถึงการควบคุมและบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน เช่น หากนำเข้า ส่งออก ขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะเดียวกันกำหนดห้ามขายกัญชา กัญชงแก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ยกเว้นได้รับอนุญาตจากแพทย์ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 30,000บาท ทั้งนี้ในบทเฉพาะกาลระบุไว้ว่า ภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ร่างกฎหมายใช้บังคับ การนำเข้ากัญชา กัญชง ทำได้เฉพาะ 1.กรณีศึกษา วิเคราะห์ วิจัย 2.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือเพื่อประโยชน์ราชการ
ส.ส.ก้าวไกลหวังอนาคตแยกกัญชงออกจากกัญชา
เมื่อเวลา 13.00 น. นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วันนี้โล่งใจที่กัญชงถูกถอดออกจากยาเสพติด แต่ยังมีข้อกังวลใจใน 3 มิติ โดยเฉพาะยังถูกควบคุมตั้งแต่การปลูก การใช้เมล็ดสายพันธุ์ ซึ่งสังคมเรียกว่ากัญชง แต่คนชาติพันธุ์เรียกว่า มั่งหรือม่า และไม่เคยใช้เพื่อยาเสพติด หนึ่งในนั้นคือการใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม เช่น เสื้อสูทที่ตนใส่ก็ถักทอมาจากกัญชงมูลค่านับหมื่นบาท
อย่างไรก็ตามการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ยังมีคำถามหลายประเด็น เช่น เมล็ดสายพันธุ์ดั้งเดิมที่กลุ่มชาติพันธุ์ปลูกอยู่ ทำไมต้องขออนุญาต หรือการขออนุญาตทำไมต้องมีกำหนดอายุ 3 ปี และอยากให้มีการแยกกัญชาและกัญชงออกจากกัน
“มีข้อเปรียบเทียบอยู่เรื่องหนึ่ง สุรา บุหรี่ที่ขายถูกต้องตามกฎหมาย แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเท่าไร และคนสูบกัญชาหรือกัญชงได้สูญเสียชีวิตอย่างไร เรื่องนี้ขอเป็นปากเสียงให้กับชาวไทยทั้งประเทศ” นายณัฐพล กล่าว
เตือนศึกษาผลกระทบให้ชัด อย่าเอาเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง
ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เมื่อดูร่างกฎหมายของเราเหมือนจะเอาเรื่องเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง ไม่มีปัญหา แต่พอดูกฎหมาย พบว่าหละหลวมและอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคมไทย หากเขียนเช่นนี้ จำเป็นต้องดออกเสียง แต่ถ้าจะมีการแก้ไขตามข้อสังเกต ก็ถือว่าไม่มีปัญหา แต่อยากให้ดูตัวอย่างหลายประเทศที่เพิ่งออกกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาไปก่อนหน้านี้
ประเทศอุรุกวัยเป็นประเทศแรกของโลกที่กฎหมายเมื่อปี 2558 และ 2 ปีของการพิจารณาก่อนประกาศใช้ในปี 2560 ในอเมริกากลาง อเมริกาใต้ มักมีปัญหาเรื่องยาเสพติด หลักการของอุรุกวัยจึงประกาศสิ่งที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย แต่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด เขาควบคุมแม้กระทั่งโควตา การตรวจสรรพคุณ ประเภทสูบแล้วหัวเราะเช้ายันเย็น ตื่นมาตีสี่ยังหัวเราะต่อ ร่างกายแข็งแรงแต่อาจจะตายเพราะหัวเราะ แบบนี้เขาห้าม แต่ในร่างกฎหมายของไทยยังเขียนไม่ครอบคลุม ไปให้อำนาจของหน่วยงานต่างๆ ออกประกาศต่างๆเป็นองค์ประกอบ ซึ่งยังไม่เห็นอนาคต
ประเทศแคนาดา มีกฎหมายเข้มข้นกว่า มีตั้งแต่ลดภาระในกระบวนการยุติธรรม แต่ของเรามีคนบอกว่า อย่าไปตำหนิคนสูบกัญชา แต่ยังมีคำถามกลับไปว่า การสูบกัญชา เดินสโลว์ไลฟ์ ขับรถไป หัวเราะไป ก็มีโอกาสชนคนตายได้เหมือนกัน อย่าไปคิดว่ามีมุมดีเสมอไป
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า เขียนกฎหมายพูดแต่เรื่องเศรษฐกิจ เป็นนายทุนหรือไม่ ชาวบ้านเขาไม่อยากให้ลูกหลานติดยาเสพติดหรือไม่ กัญชามีใบ เรารู้ว่าถ้าใบแห้ง ก้านเหนียว ตาแฉะ แต่ถ้าเอาดอกมาสูบเมื่อไร มันมีสารที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาเสพติดอยู่ ท่านเขียนชัดหรือยัง เขียนรายละเอียดแบบไหนอย่างไร และท่านไม่ได้กำหนดมาตรการภาษีอย่างชัดเจน แม้จะบอกว่าค่อยไปร่างหรือทำกฎหมายประกอบ แต่คนมีลูกเขากังวลใจว่าประเทศนี้ไม่มีพืชเศรษฐกิจอื่นแล้วหรือไม่ ส่วนตัวก็เกิดความกังวลว่าใจ ว่า ท่านเขียนว่าอนุญาตตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ในห้องน้ำต้องเขียนโลโก้เพิ่มหรือไม่ว่าห้ามสูบกัญชาเพราะมันเหม็น เด็กและเยาวชนจะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายหรือไม่
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าผ่านร่างกฎหมายแล้ว สังคมไทยจะแย่กว่าเดิมหรือไม่ครับ คนจะติดกัญชากันงอมแงมหรือไม่ครับ ไปยืนรอรถเมล์ พวกจะยืนปุ้นกันอยู่หรือไม่ คนไม่เสพไม่สูบจะรับได้ไม่ กฎหมายเขียนบังคับแบบไหน หากเอาไปค้าขายกันเยอะมากขึ้น เหมือนที่ขายใบกระท่อมกันข้างทางเยอะแยะมากมาย ฝากให้ศึกษาผลกระทบให้ดี อย่าเอาแต่เรื่องเศรษฐกิจมาเป็นที่ตั้ง หากเงินได้เป็นล้านๆบาท แต่เสียสังคมไทยไปอีกกี่ล้านๆบาท อันนี้ยอมไม่ได้” นายจิรายุ กล่าว
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ตอนหนึ่งว่า ในวันพรุ่งนี้ หรือวันที่ 9 มิ.ย.2565 ประเทศไทยจะไม่มีกัญชาเป็นยาเสพติด และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องร่วมกันพิจารณาร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จเพื่อรองรับเรื่องที่กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่ยังมีคนห่วงใยว่าตอนนี้เป็นช่วงสุญญากาศ อาจมีผู้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์ด้วยความไม่เข้าใจ และอาจเกิดปัญหาหรืออันตรายกับผู้ใช้
เมื่อวานนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำสั่งที่ 667/2565 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ โดยมีองค์ประกอบที่เป็นกรรมการบางท่านเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด บางท่านเคยเป็นอธิบดีกรมสุขภาพจิต ขอเรียนว่า ในแง่ของกระทรวงสาธารณสุขก็ห่วงใยเรื่อนี้จึงตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการใช้กัญชา
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการอีกชุด ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี 120/2565 แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อมาดูเรื่องนี้ ซึ่งฝ่ายบริหารแสดงให้เห็นว่า ภาครัฐก็ดำเนินการเต็มที่ในการอุดช่องโหว่ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีสุญญากาศ
“นี่คือความรับผิดชอบที่พวกเราต้องร่วมรับผิดชอบในการทำกฎหมายฉบับนี้ ให้เป็นกฎหมายที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์ที่สุด และรวดเร็วที่สุดในการที่จะสามารถนำมาใช้โดยเร็ว อุดช่องว่างในห้วงเวลาที่เรียกว่าสุญญากาศให้เสร็จสิ้นเสีย เราจะได้มีกฎหมายดีๆ ในการส่งเสริมให้กัญชาเป็นประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ” นายศุภชัย กล่าว
ขณะที่นางพรรณ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ตอนหนึ่งว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะครอบคลุมเรื่องการใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และด้านอื่นๆ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ที่เหมาะสม และเป็นการเพิ่มเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่มีการทำให้เกิดการผูกขาดกับนายทุนรายใหญ่ในเชิงพาณิชย์
หวั่นไร้การควบคุมเจอคนสูบเพื่อความบันเทิงจนตาหวาน
ต่อมา นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงสุญญากาศทางกฎหมาย เพราะว่าเรื่องเพาะ ปลูก ใช้ รวมถึงการจดแจ้งปลูก จะต้องเป็นไปตามร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณาอยู่ ดังนั้นอาจเกิดปรากฏการณ์ การขายกัญชาตามถนน เกลื่อนกลาดเหมือนการขายพืชกระท่อม ทั้งนี้เมื่ออ่านร่างกฎหมายโดยละเอียด พบว่าเป็นการตอบโจทย์นักการเมืองและกลุ่มนายทุนมากกว่าการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของชาวบ้าน
“ดูแล้วนโยบายกัญชาเสรี น่าจะไปไกลเกินกว่ากัญชาทางการแพทย์ เพราะคงมีคนอยากนำกัญชามาสูบ รวมถึงเด็กและเยาวชนในอนาคต โดยเฉพาะช่อดอกที่มีสาร THC สูง เป็นสารเมา คนสูบเพื่อความบันเทิง สรุปควบคุมไม่ได้ในอนาคต เกรงว่า ต่อไปในอนาคตจะเจอแต่คนตาหวาน ยิ้มหวาน และมีคำถามว่า เรามีบทลงโทษคนเมาสุราแล้วขับ แต่ถ้าเมากัญชาแล้วขับจะมีบทลงโทษอย่างไร หรือจะต้องมีตรวจสาร THC เพื่อวัดปริมาณโดยเฉพาะ” นายวิรัตน์ กล่าว
ชงปลดล็อกเก็บภาษีเข้าท้องถิ่น 100%
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เนื้อหาใจความเป็นกฎหมายที่ดี ในการได้รับใบอนุญาต หรือให้ชาวบ้านปลูกที่บ้านได้ให้สิทธิเสรีภาพในพื้นที่รโหฐานที่ประชาชนจะทำได้คล้ายกับการทำเบียร์ในบ้าน แต่บางอย่างอาจดูเป็นการผูกขาดโดยกลไกหรือไม่ อยากให้เสนอปลดล็อกท้องถิ่นเพื่อกระจายรายได้และเก็บภาษีให้เข้าท้องถิ่น 100% และอยากให้จัดโซนนิ่งการปลูกและใช้เพื่อนันทนาการ
ส่วนอีกเรื่องที่เป็นข้อกังวลของประชาชน คือการให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสถานที่โดยไม่ต้องมีหมายหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากมองเรื่องสิทธิเสรีภาพก็เป็นการใช้อำนาจเกินหน้าที่ เพราะพื้นที่ปลูกส่วนใหญ๋เป็นบ้านของประชาชน
“ขอบคุณทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่สู้มาในหลายระดับ จนวันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียแล้วในเรื่องของกัญชา แต่ฝากว่า จะมีความสมบูรณ์ถูกต้องมากขึ้น หากกำหนดรายละเอียดอย่างรอบคอบ” นายเท่าพิภพ กล่าว
‘สุทิน’ติงกฎหมายหละหลวมเสี่ยงเกิดนครกัญชา
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยอภิปรายว่า มีข้อกังวลว่าเราจะขีดเส้นแบ่งอย่างไร ระหว่างกัญชาเป็นคุณต้องส่งเสริมเต็มที่ แต่ถ้าเป็นโทษก็ต้องป้องกันเต็มที่ กฎหมายฉบับนี้ยังหลวมมากและกำกวมมาก คล้ายส่งสัญญาณให้เปิดช่องให้คนมีเงินทำธุรกิจได้ ไม่ใช่เพื่อชาวบ้าน กลัวว่าจะเป็นนครกัญชา กฎหมายยังไม่ออกก็เห็นชัดเลยว่าเด็กและผู้ใหญ่เปิดหน้าเสพ ดังนั้น ฝาก กมธ.ดูกลไกควบคุม ในโลกมีเพียงสองประเทศให้เสพเพื่อสันทนาการได้ เขาคุมเข้ม แต่คุมไม่อยู่ วันนี้เขายังปวดหัว
“ระบบสังคมยังโงหัวไม่ขึ้นกับยาบ้า แต่จะไปซ้ำเติมกับกัญชา วันนี้กระบวนการยุติธรรมของเราอ่อนแอมาก มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจจะกวดขันให้ดี ยาบ้ายังเอาไม่อยู่ จะมีกัญชาอีก เราจะนำบุตรหลานเข้าสู่อะไรไม่รู้” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน อภิปรายต่อว่า นอกจากนี้ ยังกังวลว่าขณะนี้ชาวบ้านคิดว่าจะรวย นักธุรกิจรายใหญ่ก็ลงทุน แต่ลืมไปหรือไม่ว่าไทยลงนามในข้อผูกพันสนธิสัญญาระหว่างประเทศ สหประชาชาติ เรื่องยาเสพติด ให้ข้อมูลตรงกันว่าสนธิสัญญายูเอ็นให้ใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้ทางการค้า หรือทำเชิงธุรกิจ วันนี้เราสร้างกระแสจะรวยเพราะกัญชา ขอให้ดูให้ดี สภากำลังจะออกกฎหมายที่ขัดต่อข้อผูกพันระหว่างประเทศ วันนี้เรามีสองทาง คือ 1.ขัดยูเอ็นทำไม่ได้ ถ้าฝืนเรากำลังจะทำผิด คิดให้มาก เรื่องนี้เสี่ยงขัดกับยูเอ็นจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้คนมีเงินมีทองวางระบบไว้หมดแล้ว เสมือนเอาชาวบ้านอ้างบังหน้า ประเทศจะซวย คนยกมือผ่านกฎหมายให้ก็ซวยด้วย ฝากสมาชิกตั้งสติ การสร้างกระแสที่ความจริงที่ไม่ครบถ้วนถือว่าเป็นบาป