สธ.คาดสัปดาห์หน้าพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในไทย เหตุจัดงานเทศกาลไพรด์ จับตาเข้มนักเดินทางจาก 6 ประเทศ ส่วนผลติดตามผู้สัมผัสใกล้ 12 ราย ล่าสุดไม่มีอาการใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2565 นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงการคาดการณ์โรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง(Monkeypox) ที่อาจระบาดในไทย ช่วงไหน ว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเริ่มต้นจากเทศกาลไพรด์(pride festival) ประเทศสเปน จนมีการระบาดในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะแถบยุโรปนั้น ซึ่งสัปดาห์นี้ประเทศไทยเราก็จะมีงานไพรด์พาเหรดขึ้น จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังเที่ยวบินตรงจากประเทศที่พบการติดเชื้อในประเทศแล้ว ตอนนี้มี 5 จากเดิม 3 ประเทศ คือ แอฟริกา อังกฤษ โปรตุเกส สเปน และแคนาดา และจับตาเยอรมนีเพิ่มเติม ทั้งนี้ปัจจุบัน ผู้เดินทางเข้าประเทศไทย เฉลี่ยวันละ 1 หมื่นราบ
"หากจะพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ต้องจับตาสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการงานเทศกาลไพรด์ที่กรุงเทพฯ เกิดขึ้น ซึ่งจะมีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าร่วมงานจำนวนมาก ก็มีโอกาสจะพบผู้ป่วยได้เช่นกัน ซึ่งเราได้เตรียมมาตรการในการเฝ้าระวังที่สนามบิน แต่หากไม่มีอาการ เราก็มีมาตรการในการเฝ้าระวังด้วยการมีคิวอาร์โค้ดให้ทางผู้เดินทาง ประเมินตนเอง หากพบอาการที่สงสัยสามารถแจ้งได้ทันที" นพ.จักรรัฐกล่าว
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้จัดงานยังไม่ได้ประสานข้อมูลมา แต่กระทรวงสาธารณสุข วางแผนระบบเฝ้าระวังสถานพยาบาลในกรุงเทพมหานคร พร้อมประสานเครือข่ายผู้ดูแลงานโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เข้าไปรักษาในคลินิกเฉพาะทางด้วย โดยโรคฝีดาษลิง เป็นโรคติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดโดยตรง ดังนั้นมาตรการ Universal Prevention หรือ UP ด้วยการเว้นระยะห่างกันจะดีที่สุด รวมทั้งสวมหน้ากากอนามัย
นพ.จักรรัฐก ล่าวถึงกรณีหากผู้เข้าร่วมงานไพรด์พาเหรดจะต้องเฝ้าระวังตนเองต่อไปอีกกี่วันว่า หากมั่นใจว่าไม่ได้ใกล้ชิดผู้ที่อาการป่วย ออกผื่นก็ไม่น่ากังวล แต่หากใกล้ชิดกันโดยไม่ได้สังเกต ก็เป็นความเสี่ยง ฉะนั้นหากพบผู้ที่มีอาการผื่นก็ขอให้พามาตรวจที่ รพ. เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่โรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ ระยะฟักตัวของโรคคือ 5-21 วัน ดังนั้นหากจะเฝ้าระวังตัวเองก็ต้องอย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังจากความเสี่ยงนั้นๆ อาการเบื้องต้น 10 วันแรกจะเป็นไข้ หลังจากนั้นจะเป็นผื่นขึ้น ก็ขอให้รับการตรวจที่ รพ.
เมื่อถามถึงแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงจำเป็นต้องป้องกันตัวด้วยชุด PPE หรือไม่ นพ.จักรรัฐกล่าวว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะไม่ใช่โรคติดต่อจากระบบทางเดินหายใจ แต่ติดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งแบบใกล้ชิด เช่น การกอด การจูบ ฉะนั้นคนทั่วไปที่เดินผ่านคนมีอาการผื่น ก็ไม่มีความน่ากังวล เพียงแต่เดินห่างๆ ก็พอ เพราะระยะแพร่เชื้อส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ออกผื่นแล้ว
นพ.จักรรัฐ กล่าวถึงความคืบหน้า การติดตามเฝ้าระวังติดตามอาการกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 12 ราย หลังจากพบผู้ติดเชื้อ ฝีดาษวานรบนเครื่องบินที่รอต่อเครื่องในไทยไปออสเตรเลีย ซึ่งติดตาม 21 วันว่า สำหรับการติดตามอาการผู้ใกล้ชิด 12 รายนั้น ขณะนี้ไม่มีอาการใดๆ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ จึงไม่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม โรคฝีดาษวานร เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย เรียกว่าความรุนแรงไม่ได้มาก หายเองได้ เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง เพราะหากเริ่มมีอาการและเข้าพบแพทย์ก็จะรักษาตามอาการให้หายได้
ส่วนคำถามว่า ต้องมีวัคซีนป้องกันให้กับบุคลากรด้วยหรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ต้องมีการศึกษาและพิจารณาว่าการใช้สอดคล้องกับการระบาดหรือไม่ ซึ่งหากมีการระบาดจำนวนมากจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันคนส่วนใหญ่ไม่ให้ป่วย แต่หากไม่มีเคสและมาฉีดวัคซีนก่อน ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีนอาจรุนแรงกว่าไม่ฉีด ซึ่งการประเมินสถานการณ์ทั่วโลกไม่ใช่หลักหมื่นหลักแสนราย จึงต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
“ขอให้มีการติดตามสถานการณ์ก่อน โดยหากจะฉีดวัคซีนต้องมีปริมาณมากเพียงพอ และต้องฉีดให้กับคนที่เกี่ยวข้องก่อน คือ กลุ่มที่ดูแลคนเดินทางมาจากต่างประเทศ หรือบุคลากรทางการแพทย์ แต่บุคลากรการแพทย์จะเป็นกลุ่มไหนก็ต้องพิจารณาอีก เพราะบุคลากรก็มีจำนวนมากเช่นกัน ส่วนจะสั่งซื้อหรือไม่ อย่างไรก็ต้องมีการพิจารณาวางแผน ทั้งหมดต้องติดตามข้อมูลก่อน” นพ.จักรรัฐ กล่าว