‘ก้าวไกล’ ติงรัฐจัดงบปี 66 ไม่ตอบโจทย์ฟื้นฟูประเทศ ‘เสรีรวมไทย’ ยันมติไม่รับหลักการร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน ขณะที่ ‘อนุทิน’ ขออย่าเล่นการเมือง คว่ำกฎหมายงบ มีแต่ประชาชนได้รับผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2565 พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม ‘Hackathon งบ 66 : ร่วมออกแบบ #งบประมาณ ฉบับก้าวไกล ที่เราอยากเห็น’ เป็นวันที่สอง โดยมีประชาชนร่วมตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แผนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2556 ต้องการชี้ใหเห็นว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ ขณะเดียวกันปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ และถือเป็นบทอวสานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ครบ 8 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้ต้องจัดงบเพื่อให้ประเทศไปข้างหน้า และสามารถปรับตัวได้ใน 10 ปี แต่ถ้ายังจัดงบแบบเดิมในทางตรงกันข้ามก็จะถอยหลังไปอีก 10 เช่นกัน
ดังนั้นปีนี้สำคัญมาก แต่เมื่อดูการจัดงบประมาณ เปรียบเหมือนการจัดงบในลักษณะเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ ยังพบว่า งบกลาง 8 แสนกว่าล้านบาท และนอกจากนี้ 80% ยังถูกใช้ไปกับบำนาญ และสวัสดิการข้าราชการ ส่วนหากดูงบที่ปรับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคือ รัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยรับที่ได้สูงสุด คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งปรากฏว่า ก็เป็นงบที่จ่ายอุดหนุนการเกษตรที่ย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 ซึ่งแทนที่จะเป็นการจัดงบเพื่อฟื้นฟูไปสู่อนาคตแต่เป็นการจัดงบของอดีต
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ยังมีข้อบกพร่องหลายประการ มีการจัดสรรงบลงทุนต่ำมากเพียง 20.82% และส่วนใหญ่เป็นรายการประจำที่ไม่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ โดยการอภิปรายครั้งนี้จะมีรองหัวหน้าพรคอภิปราย 3 คนในสภา และพรรคมีมติไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.นี้ ทั้งฉบับ ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการโหวตล้มงบประมาณ ว่า กฎหมายงบประมาณ เอาเข้าสภามาช่วยกันพิจารณา เพื่อต้องการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรู้ว่า จะมีงบมาบริหารประเทศเท่าไร เอาไปทำอะไรบ้าง ได้มากจากไหน กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี ต้องผ่านกรรมาธิการชุดต่างๆ ให้ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลช่วยกันพิจารณา การที่จะทำให้เกิดอุปสรรค มั่นใจว่า ประชาชน ได้รับผลกระทบแน่นอน ในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าไม่พอใจรัฐมนตรี ก็มีทางเลือกคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ไม่อยากให้ไปใช้วิธีทางการเมือง แล้วไปกระทบกับประชาชน ปีนี้ เป็นปีสุดท้ายของสภา มีการบอกว่า ถ้างบไม่ผ่าน ก็ใช้งบปีที่แล้ว มันทำได้ แต่มันก็ต้องไปตัดงบที่ควรจะสร้างสิ่งต่างๆ ให้ประชาชนออกมาใช้ กลายเป็นคนไทยนี่เอง ที่ได้รับผลกระทบ
นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยได้หารือกันในพรรคก่อนที่จะมีการโหวตร่างกฎหมาย ถึงจะเป็นรัฐบาล แต่ถ้ามีการทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็ต้องถือแก่ประโยชน์ของประชาชน และชาติบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่ไปโหวตสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน