คณะแพทย์ รพ.วชิระภูเก็ต แถลงยืนยันเด็ก 12 ปีตาบอด ไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ แต่เป็นอาการป่วยไซนัสเฉียบพลัน ขอประชาชนเชื่อมั่นเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2565 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวชี้แจงกรณีผู้ปกครองเด็กชายวัย 12 ปี ร้องเรียนว่าหลายชายได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์จนตาบอด ว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับทราบข้อมูลและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้การช่วยเหลือและดูแลเด็กและครอบครัวอย่างใกล้ชิด
โดย พญ.ณัฐวรรณ เทพณรงค์ นายแพทย์ชำนาญการ กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต รายงานข้อมูลว่า เด็กชายนนทพัท (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 12 ปี มีประวัติการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2564 หรือ 10 วันก่อนมาโรงพยาบาล โดยข้อมูลการรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต เข้ารับการรักษาวันที่ 6 ธ.ค.2564 – 10 ม.ค.2565 คณะแพทย์ได้ทำการรักษาและร่วมทำการวินิจฉัยโรค มีรายละเอียดดังนี้ เป็นอาการของโรคไซนัสอักเสบฉับพลันทุกไซนัส (Acute pansinusitis) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) บริเวณเบ้าตาอักเสบและมีฝีหนองในเบ้าตาด้านขวา (Orbital cellulitis with retrobulbar abscess right eye) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟีโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) มีอาการ เยื่อหุ้มสมอง และเนื้อสมองอักเสบ (Meningoencephalitis) จากเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) พบกระดูกรอบ ๆ โพรงไซนัส และกระดูกรอบเบ้าตาอักเสบ (Osteomyelitis of orbital bone) และ ภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลก (Cavernous sinus thrombosis)
สำหรับการรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต ระหว่างวันที่ 6 ธ.ค.2564 – 10 ม.ค.2565 แพทย์ได้ให้การรักษา โดยให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทางหลอดเลือดดำที่ครอบกลุ่มเชื้อสแตปฟิ โลคอกศัส ออเรียส ร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดหยอดตาและให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดรับประทานต่อที่บ้านและการรักษาโดยวิธีผ่าตัดไซนัสด้วยการส่องกล้อง วันที่ 7 ธ.ค.2564 ผ่าตัดเพื่อระบายหนองในเบ้าตา วันที่ 10 ธ.ค.2564 และผ่าตัดไซนัสโดยวิธีการส่องกล้องครั้งที่ 2 วันที่ 7 ม.ค.2565 เพื่อติดตามอาการ และตัดพังผืดในโพรงไซนัส และให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ตามมาตรฐานการรักษาภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลกและ ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดในหอผู้ป่วยหนักกุมารเวชกรรม เมื่ออาการคงที่แล้ว จึงย้ายมาหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม
ขณะที่ นพ.คงกฤช กาญจนไพศิษฐ์ แพทย์ หู คอ จมูก รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวยืนยันว่า สาเหตุที่ทำให้เด็กอายุ 12 ปี ตาบอด เกิดจากโรคไซนัสเฉียบพลัน โดยการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส โดยได้ผลการยืนยันจากการตรวจของการนำเชื้อจากเบ้าตา ฐานกะโหลก และไขสันหลังไปตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส เหมือนกัน
ส่วน พญ.ปรารถนา ตุลยกนิษก์ จักษุแพทย์ กล่าวถึงแนวทางการดูแลรักษาต่อเนื่อง และการฟื้นฟู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ นัดติดตามตรวจตา และให้คำแนะนำแนวทางการดูแลผู้ป่วย ทั้งแก่ผู้ป่วยเองและญาติที่ดูแล นัดทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกการเดิน การนั่ง การเคลื่อนไหว และการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆในชีวิตประจำวัน มีนัดติดตามที่คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู และวางแผนส่งพบผู้เชี่ยวชาญ Low Vision clinic ที่แผนกจักษุ รพ.สงขลานครินทร์ เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติ ได้เข้าอบรม แนวทางในการดูแลตนเอง การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ วางแผนด้านการศึกษา รวมไปถึงการงานและพื้นฐานอาชีพในอนาคต นัดติดตามอาการทางระบบประสาท ที่คลินิกระบบประสาทเด็ก และนัดติดตามอาการเรื่องไซนัสอักเสบ ที่คลินิกหูคอจมูก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด
ขณะที่ พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รพ.วชิระภูเก็ตกล่าวว่า จากการประชุมของทีมแพทย์และคณะกรรมการวินิจฉัยผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน มีข้อสรุปยืนยันตรงกันว่ากรณีของเด็กอายุ 12 ปีมีอาการตาบอดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไม่ได้เกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้การฉีดวัคซีนและการป่วยของเด็ก เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกันเท่านั้น ไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนที่ทำให้ป่วย และในฐานะผู้บริหารจัดการการฉีดวัคซีนในภาพรวม ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าการฉีดวัคซีนอาจจะมีผลข้างเคียงหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น จะมีไข้อ่อนเพลีย ปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้บ้าง ในส่วนของเด็กอาการที่น่าเป็นห่วงคือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยอุบัติการณ์ของการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบในเด็กภายหลังการฉีดวัคซีนของไทย เกิดน้อยกว่าต่างประเทศ โดยต่างประเทศพบ 150 คนใน 1 ล้านคน ที่ฉีดวัคซีน ส่วนในประเทศไทย พบเพียง 10 ราย จากสถิติการฉีดจำนวน 3 ล้านคน โดยทั้ง 10 รายรักษาหายเป็นปกติ
โอกาสนี้จึงอยากจะขอสร้างความเชื่อมั่น การได้รับวัคซีนจะก่อให้เกิดผลดี กับกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม 608 อยากจะให้ทุกคนมาฉีดวัคซีน จะช่วย ลดอัตราความรุนแรงของโรคโควิด-19 ลดอัตราการป่วยหนักลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 98-99
นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการ รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า การติดเชื้อดังกล่าวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำลายตามที่ทางคณะแพทย์ได้ชี้แจงแล้วไม่ได้เกิดจากวัคซีนแต่ก็ได้มีการยื่นเรื่องของเด็กคนนี้ไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยว่ามีผลข้างเคียงจากวัคซีนหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลแต่ทางจังหวัดและคณะแพทย์ก็จะช่วยเหลือเด็กอย่างต่อเนื่อง
นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการช่วยเหลือเงินสงเคราะห์สำหรับครอบครัวที่ได้รับความลำบากและจดทะเบียนเป็นผู้พิการ เพื่อให้ได้รับเงิน 1,000 บาทต่อเดือนและจะเข้าสู่กองทุนคุ้มครองเด็กจะได้รับเงินค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและส่งเสริมอาชีพให้แก่ผู้ปกครองในส่วนของการศึกษาจะหาสถานที่เรียนที่เหมาะสมให้ต่อไป