'อังกฤษ' เผยบทวิเคราะห์พบผู้ติดเชื้อเสี่ยงมีอาการลองโควิด โอไมครอนน้อยกว่าเดลต้า 50 เปอร์เซ็นต์ -ชี้ แม้ฉีดวัคซีนสามเข็มไปแล้วก็เสี่ยงลองโควิดจากโอไมครอน BA.2 มากกว่า BA.1
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์อันเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่สหราชอาณาจักรได้มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของอาการที่เป็นผลค้างคาจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการสำรวจผู้ที่มีอาการของโควิดระยะยาวหรือว่าลองโควิดจำนวน 1.8 ล้านรายในช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยผลการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์โดยสำนักสถิติแห่งชาติ ซึ่งมีการเข้าถึงโดยบลูมเบิร์กนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะมีโอกาสน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบโควิดสายพันธุ์เดลต้า ต่อกรณีที่ผู้ป่วยโควิดจะมีอาการจากความอ่อนล้า,การหายใจลำบาก,อาการสมาธิสั้นและอาการอื่นๆในระยะยาว
ทั้งนี้ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวนั้นมาจากการสำรวจประชากรกลุ่มผู้ใหญ่ซึ่งมีการฉีดวัคซีนแล้วสองโดสในช่วงเวลาที่ติดโควิด อย่างไรก็ตามผลการวิเคราะห์นั้นพบด้วยว่าในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วสามโดส กลับมีโอกาสมากกว่าในการเจ็บป่วยระยะยาวจากการติดเชื้อโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BA.2 เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ BA.1
อนึ่งสถาบันความเป็นเลิศด้านสุขภาพและการดูแลแห่งชาติของสหราชอาณาจักรหรือ NICE ได้ออกมานิยามคำว่าลองโควิดว่าเป็นอาการที่พัฒนาขึ้นระหว่างหรือหลังการติดเชื้อโควิด-19 แต่อาการที่ว่านี้ดําเนินต่อไปนานกว่า 12 สัปดาห์และไม่ได้อธิบายด้วยการวินิจฉัยทางเลือก โดยอาการที่ว่ามานี้นั้นเกิดขึ้นในลักษณะกลุ่มของอาการ มีความผันผวน เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและสามารถส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย
โดย ณ เวลานี้มีรายงานว่ามีประชากรอย่างน้อยกว่า 1.2 ล้านคนที่พบว่ามีอาการลองโควิดในสหราชอาณาจักรอันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ขณะที่ผลการสำรวจพบว่าหนึ่งในห้าของประชากรจำนวน 1.8 ล้านคนที่ทำการสำรวจนั้นก็ประสบอาการจนทำให้เกิดข้อจำกัดการใช้ชีวิตประจำวันหลายประการ