‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’ ปฏิเสธข้อกล่าวหาลวนลามหญิงสาวอายุ 18 ปี เผยช็อคและตกใจ ล่าสุดยื่นลาออกทุกตำแหน่งใน ปชป. เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2565 นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย แถลงชี้แจงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ออกมาเปิดเผยว่ามีหญิงอายุ 18 ปี เข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับกรณีที่ถูกนักการเมืองระดับรองหัวหน้าพรรคลวนลาม
นายปริญญ์ กล่าวว่า รู้สึกช็อคและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เห็นในโซเชียลมีเดีย และยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ เพราะหลายข้อกล่าวหา ตนปฏิเสธและไม่ใช่เรื่องจริง หลายคนที่รู้จักตน รู้ดีว่าไม่ใช่คนแบบนั้น เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ แม้เรื่องนี้จะข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวโดยตรง แต่ว่าเรื่องส่วนตัวนี้ได้กระทบการทำงานในหน้าที่ภารกิจ ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีตำแหน่งอยู่ รู้สึกต้องรับผิดชอบต่อการทำงาน ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์ของการทำงานของตนและของพรรค จึงได้ตัดสินใจแสดงความรับผิดชอบ ใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้และอนาคต ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ และขอลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคตั้งแต่วันนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความจริง
เมื่อถามว่า มีข้อกล่าวหาว่ามีเหยื่อลักษณะเดียวกันอีกนับสิบราย รวมถึงมีข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืนจะต่อสู้ประเด็นเหล่านี้อย่างไร นายปริญญ์ กล่าวว่า “ผมยืนยันอย่างที่พูด ทุกคนทราบดีว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมช็อคและตกใจจริงๆ จากใจจริง ไม่คิดว่าจะมีข้อกล่าวหาแบบบนี้ เพราะผมไม่ใช่คนแบบนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่จริง และผมยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่านายศุภชัย พานิชภักดิ์ ซึ่งเป็นบิดา แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร นายปริญญ์ กล่าวว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนก็รักลูกตัวเองมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปชี้แจง และขอชี้แจงกับเจ้าหน้าที่โดยตรงดีกว่า
เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับนายษิทราหรือไม่ นายปริญญ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากจะมองเรื่องฟ้องกลับอะไรตรงนี้ แต่ถ้าใครแจ้งความเท็จหรือทำอะไรที่ผิดไว้ก็ต้องเห็นกันในอนาคต แต่สำคัญที่สุดให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงานดีกว่า หลายรายละเอียดจะไปกระทบกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากตนไปพูดกับเจ้าหน้าที่โดยตรงก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นธรรมที่สุด เชื่อว่าจะใช้เวลาแต่เวลาก็จะพิสูจน์ความเป็นจริง
“ผมแค่คิดว่าสิ่งที่โดนกล่าวหาไม่ใช่ความจริง ผมพร้อมพิสูจน์และตอบรายละเอียดความจริงในทุกข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ผมให้เวลามันพิสูจน์และตอบความจริงกับเจ้าหน้าที่จะดีที่สุด” นายปริญญ์ กล่าว
เมื่อถามว่ารู้จักกับผู้หญิงคนดังกล่าวหรือไม่ นายปริญญ์ ตอบว่า “ขออนุญาตจริงๆครับ เพราะผมคิดว่าเป็นธรรมที่สุดกับทุกฝ่าย ถ้าผมให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าหน้าที่”
นายปริญญ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในพรรคปล่อยให้ตนได้ตัดสินใจเต็มที่ จริงๆจะชี้แจงตั้งแต่เมื่อคืนแต่ทราบดีว่าเป็นช่วงสงกรานต์ วันนี้ก็ถือว่าได้พูดความในใจอย่างเต็มที่และคิดว่าต้องรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ยังอยากช่วยพรรค อยากทำงานเพื่อสังคม แต่เมื่อมีเรื่องที่กล่าวหา ขอปฏิเสธว่าข้อกล่าวหาไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันกระทบกับพรรค กระทบการทำงาน ก็ต้องรับผิดชอบแล้วมาเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนก่อน ผู้ใหญ่ก็รับทราบที่ตนตัดสินใจในการลาออกจากทุกตำแหน่ง
เมื่อถามว่าทำไมต้องโทรหาแม่ของผู้เสียหาย นายปริญญ์ กล่าวว่า การคุยกับคุณแม่เพื่อทำความเข้าใจ แสดงเจตนาความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้ทำอะไรไม่ได้หนีไปไหน แล้วก็ไม่ได้หนีปัญหา เมื่อมีคนมากล่าวหาก็ยินดีพบปะพูดคุย ก็รู้สึกช็อคและตกใจ แต่ไม่มีอะไรที่ต้องซ่อนก็ยินดีที่จะพบปะพูดคุยว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ละเอียดอ่อนและขอให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่เป็นธรรม
เมื่อถามว่าทำไมต้องนัดผู้เสียหายไปเจอที่โรงแรม นายปริญญ์ กล่าวว่า “พนักงานสอบสวนน่าจะรับฟังและให้ความเป็นธรรม จริงๆไม่ใช่โรงแรม เป็นร้านอาหาร เป็นร้านเปิดด้วย มีคนเยอะมาก เป็นเวลา 5 โมงเย็น คนแน่นร้าน ไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง”
“ผมช็อคและตกใจที่สุด ก็อยากให้สื่อและทุกคนให้ความเป็นธรรมด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความจริง ผมว่าความจริงจะปรากฎเมื่อมีโอกาสได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วได้พูดให้ข้อมูลจริงๆกับเจ้าหน้าที่ ถ้าผมไปพูดออกสื่อเกรงว่าจะไม่เป็นธรรมและมีผลกระทบกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง” นายปริญญ์
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ว่าเคยมีคดีที่อังกฤษ นายปริญญ์ กล่าวว่า “คดีที่อังกฤษจบไปนานแล้ว แล้วไม่ได้มีอะไรที่จะกระทบกับคดีนี้ มันจบไปนานแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร”