ป.ป.ช. ภูเก็ต แถลงผลชี้มูลอาญา อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง -จนท.พัสดุ ถูกกล่าวหาทุจริตจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างตลาดสด พฤติการณ์เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 151, 157 -คดีร่ำรวยผิกปกติ ไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยความคืบหน้าการไต่สวนกรณีอดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรีกับเจ้าหน้าที่รัฐ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต กรณีถูกกล่าวหาทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างตลาดสดเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี และร่ำรวยผิดปกติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำวินิจฉัยว่า อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานพัสดุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัยว่า มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 192 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 สำหรับวินัยส่งตามมาตรา 64
ในส่วนคดีร่ำรวยผิดปกติ มีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
นายสุขสันต์ ผู้อำนวยการ สนง.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดภูเก็ต ยังเปิดเผยภารกิจด้านตรวจสอบทรัพย์สิน ว่า ปี 2564 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำภาค 8 ได้ดำเนินการประกาศเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 และมาตรา 103 ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง กระบี่ พังงา และภูเก็ต รวมทั้งสิ้น 950 ราย โดยแบ่งเป็น กรณีเข้ารับตำแหน่ง จำนวน 205 ราย และกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน 745 ราย ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ตามมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. www.nacc.go.th
ทั้งนี้ ในการเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าว ไม่เป็นการตัดอำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยของความถูกต้องหรือความมีอยู่จริงขึ้นในภายหลัง จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่สนใจดูประกาศเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินได้ตามขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น