สธ.คาดไทยพบผู้ป่วยโอไมครอนมากขึ้นหลังปีใหม่ สั่งเตรียมพร้อมดูแลผู้ป่วย หากพบมากขึ้น ส่วยป่วยน้อยจะใช้การรักษาแบบ Home Isolation ตามเดิม ย้ำประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน วัคซีนยังมีประโยน์มากกว่าโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2564 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีประเทศอังกฤษพบผู้เสียชีวิตจากโควิดโอไมครอนคนแรก ว่า ขณะนี้มาตรการในการรักษายังคงเดิม แต่ได้มีการหารือกับภาคีเครือข่ายเตรียมพร้อม ในการดูแลผู้ป่วย หากไทยต้องเผชิญกับโอไมครอน โดยส่วนตัวคาดว่า ไทยน่าจะเริ่มพบผู้ป่วยโอมิครอนมากขึ้นหลังปีใหม่ หรือในกลางเดือนม.ค.2565 หากพบมากขึ้น ป่วยน้อยก็ยังใช้การรักษาแบบ Home Isolation
ทั้งนี้ ความรุนแรงของโอไมครอน ขึ้นอยู่กับจำนวนการติดเชื้อ หากมีการติดเชื้อมาก ย่อมมีโอกาสที่จะพบคนมีอาการรุนแรง โดยอัตราป่วยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น ป่วย 1,000 คน อาจรุนแรง 5% แต่ขณะนี้จากการติดตามสถานการณ์ในประเทศไทย ไม่พบผู้ป่วยอาการหนักจากโอมิครอนในไอซียู
"ผลการรายงานโอไมครอน อาจหลบภูมิคุ้มกัน วัคซีน แต่การฉีดวัคซีนยังช่วยลดอัตราการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงได้ ส่วนเรื่องของยาทั้งโมลนูพิราเวียร์ และแพ็กซ์โลวิด ประสิทธิภาพน่าจะใช้ได้ แต่มาตรการระยะห่าง สวมหน้ากาก และล้างมือ ช่วยป้องกันโอมิครอนได้แน่”นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดข้อมูลของผู้เสียชีวิต 1 รายในประเทศอังกฤษ มีปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น โรคประจำตัว หรือ การรับวัคซีนโควิด เนื่องจากคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หากติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ ซึ่งเชื้อโอไมครอนเป็นหนึ่งในสายพันธุ์โควิดเช่นกัน เมื่อติดเชื้ออาจอาการหนักและเสียชีวิต ตอนนี้เพิ่งเริ่มระบาดยังมีข้อมูลสายพันธุ์นี้ไม่มากพอว่าจะแพร่เร็ว หรือเสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์ก่อนๆ หรือไม่ ต้องติดตามต่อไป
นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนประเทศไทยมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบข้อมูลว่าสายพันธุ์โอไมครอน อาจเปลี่ยนแปลงและก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค ทางไทยพร้อมปรับมาตรการเข้ม ซึ่งขณะนี้ไทยยังคงมาตรการเดิมในการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอนที่เข้มงวดอยู่แล้ว ในการป้องกันการแพร่ระบาด คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านระบบทุกคน หากพบว่าติดเชื้อก็จะต้องตรวจหาสายพันธุ์ทันที รวมถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และภาคีเครือข่าย ได้มีการเฝ้าระวังสุ่มการตรวจหาสายพันธุ์ด้วย
"สิ่งสำคัญตอนนี้คือไทยเริ่มฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชนที่รับวัคซีน 2 เข็มไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ส่วนผู้ยังไม่รับวัคซีนเข็มที่ 1 ประมาณ 2 ล้านคน คือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และอีกจำนวนหนึ่ง คือกลุ่มไม่เอาวัคซีน ขอย้ำประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อติดโควิด ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน โอกาสที่จะมีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิตสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากการติดโควิดนั้น 80-90 % ยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุกับกลุ่มที่มีโรคประจำตัว" นพ.จักรรัฐ กล่าว