ศบค.รายงานยอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 4,912 ราย เสียชีวิต 33 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด จับตาขอนแก่นติดเชื้อพุ่ง 103 ฉีดวัคซีนสะสม 94 ล้านโดส เร่งรัดประชาชนทั่วไป-หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนโควิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2564 เวลา 12.30 น. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดประจำวันเพิ่มเติมว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,912 ราย และมีผู้เสียชีวิต 33 ราย โดยเป็นผู้สูงอายุ 24 ราย คิดเป็น 73% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 ราย คิดเป็น 21% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 94% และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่วนใหญ่มาจากคนใกล้ชิดถึง 21 ราย รองลงมาคือ คนรู้จัก อาศัยในพื้นที่ระบาด และติดเชื้อจากการสัมผัสในครอบครัว
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม.685 ราย นครศรีธรรมราช 414 ราย สงขลา 312 ราย ปัตตานี 209 ราย สุราษฎร์ธานี 181 ราย เชียงใหม่ 179 ราย ชลบุรี 177 ราย สมุทรปราการ 116 ราย ขอนแก่น 103 ราย และยะลา 103 ราย
โดยจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 100 ราย มี 10 จังหวัด ขณะที่มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ 51-100 ราย จำนวน 18 จังหวัด มีจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อ 11-50 ราย 31 จังหวัด มีจังหวัดที่ติดเชื้อเป็นหลักหน่วย 15 จังหวัด และไม่มีรายงานการติดเชื้อ 2 จังหวัด คือ นครพนม และมุกดาหาร
ด้านผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางมาจาต่างประเทศ 13 ราย เดินทางมาจากเยอรมนี 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย อิสราเอล 2 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย กาตาร์ 1 ราย ตุรกี 1 ราย และกัมพูชา 4 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนโควิดเพิ่ม 527,092 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 207,136 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 246,818 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 73,138 ราย รวมสะสม 94,280,248 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 48,732,951 ราย คิดเป็น 67.7% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 41,979,486 ราย คิดเป็น 58.3% และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 3,567,811 ราย คิดเป็น 5%
โดยกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกิน 70% แล้ว ได้แก่ กลุ่มบุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และนักเรียน/นักศึกษาอายุ 12-17 ปี ซึ่งยังมีกลุ่มประชาชนทั่วไปและหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องฉีดวัคซีนที่ยังต้องฉีดวัคซีนเพิ่ม
นทท.เข้าไทยเดือน ธ.ค. สะสม 1.62 หมื่น ติดเชื้อ 18 คน
ส่วนรายงานการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร วันที่ 2 ธ.ค.2564 มีผู้เดินทางเข้าประเทศ 9,906 ราย จำแนกเป็น Test and Go 7,595 ราย Sandbox 2,127 ราย กักตัว 7 วัน 53 ราย และกักตัว 10 วัน 343 ราย รวมสะสมผู้เดินทางเข้าประเทศ จำนวน 16,210 ราย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย สะสมแล้ว 18 ราย
ขอผู้ประกอบการเปิดกิจการตามมาตรฐานสาธารณสุข
พญ.สุมณี กล่าวอีกว่า ช่วงเดือน ธ.ค.เป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่เทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวในทุกภาคของประเทศไทย และขณะนี้อยู่ในช่วงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ขณะเดียวกันมีการท่องเที่ยวของคนไทยด้วยกันเองมากขึ้น ทางกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค.ชุดเล็ก ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ตั้งแต่เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการทุกประเภทให้เปิดกิจการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ทางสาธารณสุขไม่ว่าจะเป็น SHA, SHA Plus, Thai Stop COVID, Thai Stop COVID+ และ COVID Free Setting ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ยังคงต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัวอย่างสูงสุด เคร่งครัดมาตรการป้องกันตัวส่วนบุคคลแบบครอบจักรวาล ไม่ว่าจะไปใช้บริการหรือไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ตาม
“เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่เราเจอกับโควิด มาตรการส่วนบุคคลเหล่านี้เป็นการป้องกันการติดเชื้อ และเป็นมาตรการที่ทำให้ลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ และถ้าเราร่วมมือกันไปรับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ครบโดส เราจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น ลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต เนื่องจากเชื้อมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา แต่ถ้าเราทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล และปฏิบัติตามมาตรการทางสังคมอย่างเคร่งครัดจะทำให้เดือน ธ.ค.เป็นเดือนที่เราใช้ชีวิตตามแนววิถีใหม่ได้อย่างราบรื่น และเป็นเดือนที่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขทุกคน” พญ.สุมนี กล่าว
ผู้ติดเชื้อในแต่ละคลัสเตอร์น้อยลง ไม่เกิน 10 ราย
พญ.สุมนี กล่าวถึงการระบาดของโควิดเป็นคลัสเตอร์ด้วยว่า วันนี้เจอคลัสเตอร์ใหม่หลายแห่ง โดยพบคลัสเตอร์โรงงาน ในเชียงใหม่ นครราชสีมา เพชรบุรี นครศรีธรรมราช ระยอง ปราจีนบุรี กทม. คลัสเตอร์ตลาดพบ ในแม่ฮ่องสอน ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ลพบุรี สมุทรสาคร ตราด คลัสเตอร์แคมป์คนงานพบ ในปราจีนบุรี เชียงใหม่ คลัสเตอร์งานศพพบ ในนราธิวาส ขอนแก่น ยโสธร หนองคาย คลัสเตอร์โรงเรียนพบ ในร้อยเอ็ด ยะลา ตราด อุบลราชธานี คลัสเตอร์ค่ายทหารพบ ในสงขลา ชลบุรี ลพบุรี คลัสเตอร์ร้านอาหาร สถานบันเทิง พบในอุบลราชธานี
“ทุกๆคลัสเตอร์ที่มีการรายงานวันนี้ เป็นคลัสเตอร์ที่พบในหลักหน่วยหรือหลักสิบเท่านั้น จำนวนที่พบผู้ติดเชื้อในแต่ละคลัสเตอร์น้อยลงมาก แต่ยังไงก็ตามยังขอให้เคร่งครัดภายใต้มาตรการความปลอดภัย คือ ในสถานที่ต่างๆยังต้องทำ COVID-Free Setting และอาจยกระดับให้เป็น SHA+ไปเลย จะได้ทำให้เรากลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกกิจการได้” พญ.สุมนี กล่าว
ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 685,799 รวมสะสม 264.43 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 685,799 ราย รวม 264,439,993 ราย อาการหนัก 87,000 ราย หายป่วย 238,471,087 ราย เสียชีวิต 5,249,487 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 132,822 ราย รวม 49,716,825 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,264 ราย รวม 806,390 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 3,200 ราย รวม 34,609,741 ราย เสียชีวิตรวม 469,724 ราย บราซิล พบเพิ่ม 12,910 ราย รวม 22,118,782 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 205 ราย รวม 615,225 ราย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 24
ตายเพิ่ม 33 ราย! ติดเชื้อใหม่ 4,912-รักษาตัว 72,761
อนึ่งก่อนหน้านี้ เวลา 08.17 น. สำนักข่าวอิศรา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดประเทศไทย ประจำวันที่ 3 ธ.ค.2564 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,912 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 2,101,778 ราย ขณะที่มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 1,588 ราย
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,912 ราย แยกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 4,606 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 136 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 157 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 13 ราย ส่วนการรักษา มีผู้หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 5,844 ราย ยอดหายป่วยสะสม 2,009,574 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 72,761 ราย และเสียชีวิต 33 ราย