'วิษณุ'ชี้คำวินิจัยศาลรัฐธรรมนูญ ปมเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แจงไม่ได้มุ่งให้มีความผิดทางอาญา แต่การชุมนุมต้องระวังมากขึ้น อ้างสิทธิเสรีภาพเหมือนเคยไม่ได้ ขณะที่พรรคก้าวไกลแถลงจุดยืนหวั่นคำตัดสิน อาจสร้างเส้นแบ่งทางการเมืองสุดขั้ว ส่งผลให้เกิดความรุนแรงในสังคม ซึ่งศาลและเครือข่ายต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นการล้มล้างการปกครอง ว่า ตนเองยังไม่เห็นตัววินิจฉัยเต็ม คำร้องดังกล่าวร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไม่ใช่มุ่งหวังที่จะให้มีความผิดทางอาญา แต่จากคำวินิจฉัยของศาล แสดงให้เห็นว่าคนที่กระทำเช่นนี้ต้องระวัง อ้างสิทธิเสรีภาพเหมือนที่เคยทำไม่ได้ เพราะศาลชี้ว่าการทำไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการชุมนุมครั้งต่อไปต้องระวังมากขึ้น
'ก้าวไกล'ชี้คำตัดสินศาล อาจสร้างเส้นแบ่งทางการเมืองสุดขั้ว
ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนแถลงจุดยืนของพรรคก้าวไกล หลังจากที่นายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้นำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไปประกอบคำร้องในการพิจารณาเพื่อยุบพรรคก้าวไกล ที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลให้ถูกวิพากษ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในข้อกฎหมาย รวมไปถึงการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกวินิจฉัยว่าล้มล้างการปกครองเป็นการกระทำเเบบใดบ้าง ซึ่งไม่ดีต่อสังคมระบอบประชาธิปไตย
พรรคก้าวไกลเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลให้การหาทางคลี่คลายทางการเมืองในปัจจุบันยิ่งแคบลง เพราะรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม จะนำเอาคำวินิจฉัยนี้ไปเป็นฐานในการกล่าวหาการเเสดงออกของประชาชนและเยาวชนจำนวนมากแบบเหมารวมว่า เป็นขบวนการล้มล้างการปกครอง และอาจเกิดการขีดเส้นแบ่งทางการเมืองแบบสุดขั้ว นอกจากนั้น กระบวนการยุติธรรมจะถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางและรุนแรงขึ้นกว่าปัจจุบันว่า มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างบิดเบือนกับคดีทางการเมืองหรือไม่
"การคลี่คลายปัญหาความเห็นแตกต่างทางเมืองในปัจจุบัน ต้องอาศัยการเปิดความจริงอย่างถูกต้อง อย่ามองว่านี่เป็นภัยของชาติ อย่ามองอนาคตของชาติเป็นศัตรู และต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้ได้ แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้จะยิ่งทำให้สังคมไทยหนีห่างออกจากเส้นทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงในสังคมในอนาคต หากเป็นเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญและเครือข่าย ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ” นายชัยธวัช กล่าว
สำหรับข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ทั้งในกรณี ส.ส.ของพรรคก้าวไกลไปร่วมสังเกตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และใช้หลักทรัพย์ประกันตัวช่วยเหลือผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีทางการเมือง รวมถึงการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาฐานความผิดหมิ่นประมาท รวมทั้งมาตรา 112 ก็ตาม พรรคก้าวไกลยืนยันว่าไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เพราะเป็นการใช้สิทธิและทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ที่ดีของประชาชน เป็นการประกันสิทธิเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ
ยันไม่คิดล้มล้างการปกครอง-10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯเป็นฉันทามติของ ปชช.
ขณะที่ เฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และ แกนนำราษฎร โพสต์ข้อความโดยแอดมิน ระบุว่า "ลูกหลานชาวนา นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่มีแค่ไมค์ รถปราศรัย และแอคเคาต์เฟซบุ๊ก ได้กระทำการล้มล้างการปกครอง ด้วยคำพูด ถ้าทำได้อย่างนั้นจริง มันก็คงไม่มีวันนี้"
ส่วนเฟซบุ๊ก ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่โพสต์โดยแอดมินเช่นกัน ระบุว่า "ข้อความจากไมค์ ศาลวินิจฉัยว่า ประชาชนเรือนแสนล้มล้างการปกครอง ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบัน เป็นฉันทามติของประชาชน ที่เห็นพ้องต้องกันมิใช่ของเราทั้ง 3 คน และเมื่อวานศาลไม่ได้มีการเบิกตัวไปไต่สวน ทั้งๆที่ทนายเรียกร้องเพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ตอนนี้อยู่ในคุก แม้แต่จะพูดกับศาลสักครั้งยังไม่เคยได้รับโอกาส แล้วจะตัดสินพวกตนเป็นกบฏได้อย่างไร"
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage