'ฮาร์วาร์ด'เผย 3 บริษัทอินเดีย คาดผลิตวัตถุดิบ API ยาโมลนูพิราเวียร์ให้ชาวโลก คาดราคายาตามท้องตลาดเบื้องต้นอยู่ที่ 675 บาท แต่ 'สหรัฐฯ' ส่อตั้งราคาแพงกว่าท้องตลาด 35 เท่า
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าที่ประเทศอินเดีย มีการประกาศชื่อบริษัทอินเดียจำนวน 3 แห่ง ซึ่งจะมีส่วนในการผลิต วัตถุดิบสารออกฤทธิ์ทางยา หรือ API (Active Pharmaceutical Ingredients) สำหรับใช้เป็นสารตั้งต้นในการการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเพิ่งจะถูกค้นพบว่ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19
โดย พญ.เมลิสสา บาเบอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการประมาณราคาที่น่าจะเป็นไปได้ของยาโมลโนได้ระบุชื่อบริษัทอินเดียทั้ง 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ ณ รัฐเตลังคานา ซึ่งจะมีส่วนการผลิต API อันได้แก่บริษัท Optimus Drugs Private Ltd,บริษัท Honour Lab และบริษัท Maithri Laboratories ซึ่งบริษัททั้ง 3 แห่งนั้นจะเป็นแหล่งผลิตหลักสำหรับ API ของยาโมลโนซึ่งจะใช้ในหลายภูมิภาคทั่วโลก
ทั้งนี้สำหรับประเด็นเรื่องการคาดการณ์ราคาของยาซึ่งมาจากข้อสังเกตของ พญ.บาเบอร์นั้นยังเป็นงานวิจัย ที่ยังไม่เป็นทางการและยังไม่ผ่านการทบทวนทางวิชาการแต่อย่างใด ซึ่งงานวิจัยของ พญ.บาเบอร์ดังกล่าวนั้นได้มีการเขียนร่วมกับ นพ.ซินทาร์ส ก็อตแธม จากโรงพยาบาลคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ได้มีการประมาณราคาวัตถุดิบ API เอาไว้ว่าสำหรับผู้ป่วยโควิด 1 คนนั้นจะมีค่า API สำหรับยาโมลนูพิราเวียร์อยู่ที่ 19.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (675.86 บาท)
อนึ่งการวิจัยข้อมูลราคายาดังกล่าวนี้นั้นถูกทวีตโดย พญ.บาเบอร์เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นระยะเวลา 1 วันหลังจากที่บริษัทเมอร์ค (MERCK) เผยผลการศึกษาระยะ 3 ของยาเม็ดต้านโควิด ยาโมลนูพิราเวียร์พิราเวียร์ ที่ใช้ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีอาการน้อยไปจนถึงระดับปานกลาง พบว่ายาโมลนูพิราเวียร์พิราเวียร์สามารถลดอัตราป่วยหนัก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ 50%
และมีรายงานด้วยว่าเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาทางบริษัทเมอร์คนั้นก็ได้ทำข้อตกลงการอนุญาตแบบสมัครใจกับบริษัทอินเดียขนาดใหญ่อีกจำนวน 5 แห่ง อันได้แก่บริษัท Cipla Limited,บริษัท Dr. Reddy’s Laboratories Ltd,บริษัท Emcure Pharmaceuticals Limited,บริษัท Sun Pharmaceutical Industries,และบริษัท Torrent Pharmaceuticals Limited เพื่อให้บริษัททั้ง 5 นี้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ให้แก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางจำนวนนับ 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในเวลาต่อมาบริษัททั้ง 5 แห่งดังกล่าวนั้นได้ประกาศความร่วมมือสำหรับการทดลองทางคลินิก เพื่อจะนำยาไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการรุนแรงในประเทศอินเดีย
ขณะที่เอกสารจากทางนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังได้กล่าวต่อไปว่าราคาสำหรับยาโมลนูพิราเวียร์ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯได้สั่งมาเพื่อจะนำมาเป็นคอร์สรักษาผู้ป่วยจำนวนกว่า 1.7 ล้านคอร์สนั้น คิดราคาการรักษาต่อผู้ป่วย 1 คนอยู่ที่ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,658 บาท) ซึ่งถือว่าราคานี้นั้นมีราคาแพงกว่า 35 เท่าเมื่อเทียบกับราคาประมาณการณ์ในท้องตลาดสำหรับ API ของยาโมลนูพิราเวียร์ และในอนาคตถ้าหากมีการเพิ่มสมรรถภาพการสังเคราะห์ยาจนทำให้ต้นทุน API ลดลง ก็คาดกันว่าราคาขายของยาโมลนูพิราเวียร์ในสหรัฐฯนั้นอาจจะแพงกว่าราคายาทั่วไปถึง 161 เท่าตัว
เรียบเรียงจาก:https://www.fortuneindia.com/enterprise/why-mercks-new-covid-19-drug-banks-on-india-2/105949
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage