ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศคลายล็อก ผ่อนปรนมาตรการ มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.64 ลดเวลาเคอร์ฟิว 22.00 - 04 .00 น. และขยายประกาศสถานฉุกเฉินถึง 30 พ.ย.64
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 29 ก.ย.2564 แพร่ข้อกำหนดออกความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 34) ระบุว่า ตามที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น
โดยที่การระบาดของโควิดในประเทศไทยมีแนวโน้มของสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระดับคงที่ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในขณะที่จำนวนผู้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผลดังกล่าวมาจากการดำเนินงานในลักษณะบูรณาการและประสานความร่วมมือของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนเพื่อการระดมสรรพกำลังในการควบคุมและป้องกันโรค
โดยกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังจำเป็นต้องติดตามกำกับดูแลทั้งบุคคล สถานที่ การดำเนินกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว เพื่อการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ การฟื้นฟูและพัฒนาประเทศในระยะยาว ควบคู่กับการป้องกันและควบคุมโรคอย่างสมดุลและยั่งยืนอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดต่อไปนี้
ข้อ 1 การกำหนดพื้นที่สถานการณ์จำแนกตามเขตพื้นที่จังหวัด ตามบัญีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดที่ 11/2564 ลงวันที่ 1 ส.ค.2564
ข้อ 2 การปรับเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00น. -04.00น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค.2564
ข้อ 3 การขยาายเวลาการบังคับใช้มาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสู
สุดและเข้มงวด ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค.2564
ข้อ 4 การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
- โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาทุกประเภท สามารถใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อจัดการเรียน การสอบ การฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากได้
- สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์เด็กพิเศษ สถานที่ให้การดูแล หรือสถานสงเคราะห์อื่นที่เป็นการจัดสวัสดิการให้แก่เด็ก ให้เปิดดำเนินการได้
- ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มได้ไม่เกิน 21.00 น. โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านและจำกัดจำนวนผู้บริโภคในร้าน หากเป็นการบริโภคในห้องปรับอากาศให้มีจำนวนผู้นั่งบริโภคไม่เกิน 50% ของจำนวนที่นั่งปกติ แต่หากเป็นพื้นที่เปิด อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้มีจำนวนผู้บริโภคไม่เกิน 75% ของจำนวนที่นั่งปกติ
ทั้งนี้ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจัดให้มีการแสดงดนตรีได้ ไม่เกิน 5 คน และนักร้อง นักดนตรีที่ใช้เครื่องเป่า ถอดหน้ากากอนามัยได้
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด เปิดได้ตามเวลาปกติ จนถึง 21.00 น. แต่สำหรับร้านสะดวกซื้อให้ปิดให้บริการระหว่างเวลา
- ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ทุกประเภท ให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกิน 75% ของจำนวนผู้ใช้บริการปกติ
- โรงภาพยนตร์ เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. และจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกิน 50%
- สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย แต่งผม ร้านทำเล็บ และร้านสัก เปิดบริการได้ถึง 21.00 น.
- สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือการนวดแผนไทย เปิดดำเนินการและให้บริการผ่านนัดหมาย โดยจำกัดเวลาให้บริการไม่เกินรายละ 2 ชั่วโมง จนถึง 21.00 น.
- สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬา สระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกาย ให้เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น.
- การใช้สถานที่เพื่อจัดการแข่งขันกีฬา ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาตามความเหมาะสม
- ห้างสรรพสินค้าและสถาบันกวดวิชา สามารถเปิดดำเนินการได้
- การถ่ายทำภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ สามารถทำได้ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการและแนวปฏิบัติตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า
- โรงละคร ให้ให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาแล้วแต่กรณี ต้องไม่เกิน 21.00 น. และจำกัดผู้แสดงและเจ้าหน้าที่รวมไม่เกิน 50 คน
ข้อ 5 การเตรียมการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไป
อ่านประกาศฉบับเต็ม: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/235/T_0005.PDF
ในวันเดียวกันนี้ ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 14) ให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนใต้ให้ยังคงมีผลบังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. - 30 พ.ย.2564
อ่านประกาศฉบับเต็ม: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/235/T_0001.PDF
นอกจากนั้น ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศเรื่องการให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังมีผลใช้บังคับ โดยยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไป
อ่านประกาศฉบับเต็ม: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/235/T_0002.PDF
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage