ดีเอสไอรับแล้วคดีพิเศษ! ปั้นเอกสาร ทป.4 รุกที่ดิน ว.เทคนิคถลาง-สวนป่าบางขนุน

dsi news 2509 main edit 1

คืบหน้าปมปั้นเอกสาร ทป.4 รุกที่ดินวิทยาลัย เทคนิคถลาง-สวนป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต อธิบดีดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษตามคกก.กลั่นกรองเสนอ นักอนุรักษ์เรียกร้องจับมืออธิบดีกรมป่าไม้คนใหม่เอาทรัพย์แผ่นดินคืนสวนป่าบางขนุนด้วย

.........................................

ความคืบหน้ากรณีที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้เข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน จํานวนเนื้อที่ 142 ไร่ 1 งาน 17 ตารางวา ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2540 - ซึ่งปัจจุบัน วิทยาลัยฯใช้ประโยชน์ ประมาณ 40 ไร่ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 100 ไร่เศษ ถูกกลุ่มบุคคลบุกรุก ขณะที่ในเอกสารแถลงข่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563 ระบุว่า ผู้บุกรุกได้มีการนําเสาปูนมาทําเป็นแนวเขต ที่ดิน พร้อมทั้งมีการสร้างขนําอยู่ในพื้นที่ ตามข่าวก่อนหน้านี้

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวคดีพิเศษ ได้ลงนามรับคดีบุกรุกพื้นที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง ที่มีไว้เพื่อจัดการศึกษา เป็นคดีพิเศษตามความเห็นของคณะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่สืบสวนและคณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษเสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวคดีพิเศษ ได้สั่งการโดยคำสั่งสืบสวนที่ 280/2563 แต่งตั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพบกลุ่มบุคคลใช้หลักฐานการใช้เอกสารแสดงสิทธิการครอบครองที่ดินตามเอกสารแบบบันทึกการใช้ที่ดินของบุคคลในพื้นที่ป่าไม้ (แบบ ทป.4) แย้งสิทธิ์การครอบครองของวิทยาลัยเทคนิคถลาง และมีรูปแบบการบุกรุกครอบครองกดดันผู้บริหารและบุคลากรของวิทยาลัยหลายรูปแบบ และพบหลักฐานว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนป่าบางขุนนที่กรมป่าไม้ใช้เงินงบประมาณไปดำเนินการปลูกป่า เป็นพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ เกือบเต็มพื้นที่ หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ทำหน้าที่สืบสวนได้ประชุมสรุปรายละเอียดข้อมูลที่สืบสวนสอบสวนเก็บรายละเอียดมาทั้งหมด ประชุมร่วมกันและมติที่ประชุม เสนอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบว่าเข้าพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษพื้นที่ถูกบุกรุกครอบครอง จากกลุ่มบุคคลมากกว่า 100 ไร่ ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่วิทยาลัยเทคนิคถลาง ดูพื้นที่จริงด้วยตัวเอง ก่อนการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษซึ่งมี พ.ต.ท.สุภัทธ์ เป็นประธานกรรมการ และ คณะกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษลงมติมีความเห็นรับคดีบุกรุกวิทยาลัย เทคนิคถลางเป็นคดีพิเศษ กระทั่งเสนออธิบดีเห็นชอบ

ขณะที่ นายจำรูญ เกิดดำ ประธานชมรมอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน รองประธานโครงการป่าดิบชื้นคืนเกาะ วิทยาลัยเทคนิคถลาง เปิดเผยว่า ทราบความคืบหน้ามาเป็นระยะๆ แต่ต้องการเรียกร้องว่า ขณะนี้ กรมป่าไม้ โดยอธิบดีกรมป่าไม้คนใหม่ที่จะรับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ และ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนใหม่ที่จะรับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ น่าจะจับมือกันในการทำคดีบุกรุกสวนป่าบางขนุน ที่รัฐโดยกรมป่าไม้นำเงินงบประมาณมาปลูกป่าเกือบเต็มพื้นที่ หรือเกือบเต็ม 5,000 ไร่ และขอเรียกร้องว่า การที่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อผู้บุกรุกที่ดินรัฐเพื่อประโยชน์อื่นใด ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่ควรจะถูกดำเนินคดีตามความผิด มาตรา 151 ทั้งนี้เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างและเพื่อการช่วยกันรักษาทรัพย์สมบัติหลวงทรัพย์ของแผนดินคืนทั้งสวนป่าบางขนุนไว้ใช้เพื่อส่วนรวมร่วมกันตลอดไป

“ผมขอชื่นชมอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนที่จะหมดอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ที่ท่าน มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษในคดีทำลายทรัพยากรป่าไม้ที่ดิน ในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2 คดีใหญ่ ที่จังหวัดภูเก็ต คือคดีบุกรุกเขานาคเกิด ป่าต้นน้ำของเขื่อนบางวาด 108 ไร่ และคดีที่ 2 คือ คดีบุกรุกวิทยาลัยเทคนิค หรือบุกรุกสวนป่าบางขนุนที่ใช้เพื่อการศึกษาของชาติ และต้องขอชื่นชมอธิบดีกรมป่าไม้ที่กำลังจะหมดอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน ที่ย้ายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่รับราชการติดที่ในจังหวัดภูเก็ตนานจนป่าถูกบุกรุกทำลาย แต่ขอย้ำว่า ยังคงรอกรรมการจากกรมป่าไม้มาสอบสวน ผม ทั้งนี้เพื่อต้องการให้นำข้อมูลของเจ้าหน้าที่ไปพิสูจน์ทราบและช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้สมบัติของสาธารณะที่คนไทยมีไว้ใช้ร่วมกัน”นายจำรูญกล่าว

dsi news 2509 4