ปธ.เครือข่ายอนุรักษ์อ่าวไทย-อันดามัน จับมือเครือข่ายผู้ปกครอง บุกศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต ไขข้อข้องใจปมรับลูกเจ้าของ ทป.4 สั่ง สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สอบวิทยาลัยเทคนิคถลาง ปมรุกป่าสงวนฯบางขนุน ชอบธรรมหรือไม่ ขณะที่ จนท.ป่าไม้เผยยอดสำรวจ 310 แปลง
.......................................
ประเด็นผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคถลาง จังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีที่ดินของวิทยาลัยฯซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้เข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางขนุน จำนวน 142 ไร่เศษ ถูกกลุ่มบุคคลเข้าบุกรุกโดยอ้างสิทธิการครอบครองที่ดินตามเอกสารแบบบันทึกการใช้ที่ดินของบุคคลในพื้นที่ป่าไม้ (แบบ ทป.4) โดยเบื้องต้นดีเอสไอเชื่อว่า การออก เอกสาร ทป.4 ดังกล่าว อาจออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายและทำเป็นขบวนการ ซึ่งพื้นที่ป่าฯบางขนุน มีประมาณ 5,000 ไร่ ตามข่าวก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 16 กันยายน2563 นายจำรูญ เกิดดำ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย – อันดามัน และนายธนากร ตระการธนสุข เครือข่ายผู้ปกครองวิทยาลัยเทคนิคถลาง เดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ขอพบหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงกรณีสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่นายเชิดชัย ไมดุเก็ม ชาวบ้าน ต.สาคู อ.ถลาง ร้องเรียนว่า ผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคถลาง ล้อมรั้วแล้วรุกล้ำที่ดินของตนเอง
แต่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่อ้างตัวว่า เป็นผู้ที่พิมพ์หนังสือสั่งการเองขอให้พูดคุยกับตนและแจ้งว่า หัวหน้าอยู่แต่ตนจะรับเรื่องไว้เอง นายจำรูญ แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่า เป้าหมายที่เดินทางมาในวันนี้ต้องการทราบว่า ศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องการร้องเรียนแล้วใช้กฏหมายใดในการสั่งการให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.)สอบแนวเขตของวิทยาลัยเทคนิคถลางที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่เพื่อการศึกษาตามมติคณะรัฐมนตรีเนื่องจากเอกสารที่ ศูนย์ดำรงธรรมใช้เป็นฐานสั่งการมานั้นคือ แบบบันทึกการใช้ที่ดินของบุคคลในพื้นที่ป่าไม้ (แบบ ทป.4) เป็นเอกสารที่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า ไม่ได้สั่งการแต่เป็นผู้พิมพ์หนังสือให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดลงนาม ซึ่งนายจำรูญ ได้แย้งว่า จากข้อความ ในหนังสือระบุว่า
“ในการนี้ จังหวัดภูเก็ต จึงขอมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามกฎกระทรวง แบ่งส่วนราชการ สำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ.2560 ข้อ 16 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการให้ความช่วยเหลื่อผู้ร้องตามอำนาจหน้าที่ ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ผลประการใดรายงานให้จังหวัดภูเก็ตทราบและแจ้งผลให้ผู้ร้องทราบด้วยโดยตรงภายใน 30 วัน”
จากข้อความหนังสือสั่งการนี้ชี้ชัดว่าจังหวัดสั่งการให้ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดบุกรุกที่ดินรัฐหรือไม่ประการใด หรือส่อไปในทางทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประการใดหรือไม่ เป็นเรื่องที่สังคมเคลือบแคลงสงสัย จึงเดินทางมาข้อความรู้ความกระจ่างในเรื่องนี้ หลังจากนั้น ได้เดินทางไปพบกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.ภูเก็ต)
นายธนากร แจ้งแก่ นายวัฒนพงษ์ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ว่า ตนมาในฐานะเครือข่ายผู้ปกครอง ทราบจากสื่อมวลชนว่า วิทยาลัยฯถูกคุกคามโดยมิชอบ ด้วยอิทธิพลจึงได้ติดตามความเคลื่อนไหวในวันนี้มาขอความรู้และฐานข้อมูลในเอกสาร ปท. 4 ที่จังหวัดภูเก็ตใช้เป็นฐานในการสั่งการให้ ทสจ.ภูเก็ต ไปตรวจสอบแนวเขตที่ดินวิทยาลัยเทคนิคถลาง เพื่อหาทางช่วยเหลื่อผู้ร้องเรียนเนื่องจากเห็นว่าอาจจะจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายราย ซึ่ง นายวัฒนพงษ์ ได้เรียกนายสุทน ดวงฤทธิ์ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน มาสอบถามและรับรู้รายละเอียดร่วมกัน หลังจากเห็นเอกสารการสั่งการขอจังหวัดภูเก็ต นายวัฒนพงษ์ แจ้งว่า ทสจ.มีความจำเป็นที่จะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบให้เป็นไปตามหนังสือสั่งการของจังหวัดภูเก็ต แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า หลังจากที่ตรวจสอบพื้นที่แล้วจะรวบร่วมเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องทุกด้านก่อนที่จะสรุปรายงานยังจังหวัดภูเก็ต แต่ยืนยันว่าพื้นที่ที่พิพาทเป็นพื้นที่สวนป่าบางขนุนมีโครงการปลูกป่าเต็มพื้นที่ที่โดยงบประมาณของกรมป่าไม้ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดสรรแบ่งปั่นให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าทำประโยชน์หรือครอบครองพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดได้และยืนยันไม่ออกเอกสารใดๆให้ทับพื้นที่ป่าหรือให้อาศัยในป่าบางขนุนแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากในรายละเอียดของการเดินสำรวจ ป่า หรือ ทป.4 ผู้ที่จะดำเนินการได้ต้องมีโครงการและมีอำนาจในการสั่งการ กรณีของสวนป่าบางขุนนทราบมาว่าในอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้สั่งการ และการสำรวจทำได้ไม่ครบขบวนการ ซึ่งสวนป่าแห่งนี้ก็ไม่เข้าเงื่อนไขมติ ครม.ปี 2541 ด้วย
นายสุทน กล่าวว่า พื้นที่สวนป่าบางขนุนมีการสำรวจไว้จำนวน 265 ราย จำนวน 310 แปลง หลังจากที่ได้อ่านแปลภาพถ่าย พบว่ามีผู้เข้าข่ายที่จะพิสูจน์สิทธิ์ได้เพียง 15 ราย แต่ทั้ง 15 รายไม่สามารถที่จะนำพยานหลักฐานมายืนยันว่าได้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าจริง ฉะนั้น สวนป่าบางขนุนจึงไม่มีใครมีสิทธิ์เข้ายึดถือครอบครองโดยชอบด้วยกฏหมายป่าไม้ได้เลย
อดีตหัวหน้าสวนป่าบางขนุนรายหนึ่งปัจจุบัน เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งหนึ่ง กล่าวว่าเอกสาร ทป.4 ถ้าดำเนินการถูกต้อง ต้องเก็บไว้ในส่วนราชการกรมป่าไม้เท่านั้น ไม่ใช่ไปอยู่ในมือราษฎร กรณีของสวนป่าบางขุนนกลับตรงกันข้ามคือเอกสารไปอยู่ในมือราษฎรและเป็นเอกสารที่มิชอบไม่มีกฏหมายป่าไม้รองรับแต่มีค่ามหาศาลเพราะใช้เอกสารนี้ซื้อขายเปลี่ยนมือกันไปมาบางแปลงขายถึง 5 ทอดแล้ว มูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจึงมีขนวนการหลากหลายรูปแบบเพื่อแสดงสิทธิ์ในตลาดมืดวงการที่ดินของจังหวัดภูเก็ต
ข่าวเกี่ยวข้อง
เปิด ทป.4 เนื้อที่ 8 ไร่ คดีรุกป่าบางขนุน ภูเก็ต - ขรก. นักการเมือง 10 คน ลงชื่อสำรวจ
ปั้นเอกสารทป.4 ฮุบป่าบางขนุน ภูเก็ต! DSI แถลงเบื้องหลังปมรุกที่ดินวิทยาลัยฯถลาง(มีคลิป)
อธิบดีดีเอสไอส่งลูกน้องสอบปมบุกรุกที่ดินวิทยาลัยเทคนิคถลาง จ.ภูเก็ต 100 ไร่ (มีคลิป)
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage