โควิดวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ลดลงต่อเนื่องเหลือ 15,972 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดระลอก เม.ย. 1,161,200 ราย หายป่วยมากกว่ายอดติดเชื้อ อยู่ที่ 17,281 ราย เสียชีวิตยังสูง 256 ราย เป็นผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรัง 91% ขณะที่ด้านศบค.แจงมาตรการเดือน ก.ย. ไม่ใช่ผ่อนปรน แต่เป็นการปรับมาตรการทดสอบระบบกันโควิดสู่ 'นิวนอร์มอล'
---------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 15,972 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อในกทม.และปริมณฑล 6,713 ราย 4 จังหวัดชายแดนใต้ 881 ราย จังหวัดอื่นๆ 8,087 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 280 ราย และมาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดระลอก เม.ย. 1,161,200 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 2,028 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 17,281 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสมระลอกใหม่ 975,101 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 176,137 ราย โดยเป็นผู้ป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจ 1,062 ราย และมีผู้เสียชีวิต 256 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 11,305 ราย
โดยมีผู้เสียชีวิต 256 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 140 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 4 ราย จังหวัดอื่น 110 ราย เรือนจำ 2 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 179 คิดเป็น 70% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 21 ราย คิดเป็น 8% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 91% ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย อยู่ระหว่างนำส่ง 1 ราย และเป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 3,771 ราย สมุทรปราการ 1,055 ราย สมุทรสาคร 966 ราย ราชบุรี 779 ราย ชลบุรี 747 ราย ระยอง 518 ราย นครราชสีมา 406 ราย พระนครศรีอยุธยา 405 ราย บุรีรัมย์ 389 ราย และนนทบุรี 365 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 11 ราย แบ่งเป็น เดนมาร์ก 1 ราย อังกฤษ 1 ราย เมียนมา 6 ราย กัมพูชา 3 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 211,293 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 62,463 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 1,432 ราย รวมสะสม 30,954,477 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 23,018,371 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 7,350,348 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 585,758 ราย
@ แจงมาตรการเดือน ก.ย. ไม่ใช่ผ่อนปรน แต่เป็นการปรับมาตรการทดสอบระบบกันโควิดสู่ 'นิวนอร์มอล'
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการการควบคุมการระบาดของโควิดที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2564 นี้ ว่า ยืนยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงการกำหนดสีของจังหวัด ทั้งหมดยังคงเดิม พื่นที่สีแดงเข้ม มี 29 จังหวัด ขณะที่ได้รับเสียงสะท้อนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงมาก เหตุใดจึงเร่งคลายล็อกดาวน์ ขอชี้แจงว่า ศบค.ไม่ใช้คำว่าผ่อนปรนหรือคลายล็อกดาวน์ แต่ครั้งนี้เป็นการปรับมาตรการเพื่อควบคุมโรคและใช้ชีวิตเป็นประจำวันรูปแบบนิวนอร์มอล ซึ่งที่ประชุม ศบค.ยังมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ไปเตรียมมาตรการต่างๆ ที่จะประกาศออกมา ซึ่งเป็นการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ข้อกำหนดนี้ต้องมีการไปเตรียมกันขึ้นมา และจะมีการประเมินผลภายใน 1 เดือน กล่าวคือเดือนกันยายนนี้ จะมีการทดสอบและทดลองมาตรการที่จะเกิดขึ้น โดยในช่วง 14 วันแรก จะเป็นช่วงทดสอบระบบและประเมินผล ก่อนเตรียมมาตรการบังคับใช้ในอนาคต ถ้าทุกคนร่วมมือกันโอกาสรับเชื้อจะลดลงด้วย
สำหรับมาตรการต่างๆ ที่ได้ประกาศไปแล้ว อาทิ ห้ามจัดกิจกรรมมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค และการขออนุญาตจัดกิจกรรม ยังใช้ต่อไป โดยพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม รวมกันได้ไม่เกิน 25 คน
ส่วนร้านอาหารให้บริการนั่งกินในร้านได้ โดยยังห้ามจำหน่ายสุรา สำหรับร้านห้องปรับอากาศรับคนได้ 50% ร้านอากาศระบายถ่ายเทได้ดีเปิดได้ 75% ส่วนห้างสรรพสินค้า ที่มีร้านเสริมสวย ร้านตัดผม สถานเสริมความงาม ให้เปิดดำเนินการผ่านการนัดหมายได้ถึง 2 ทุ่ม ร้านนวดแผนไทย เปิดได้เฉพาะนวดเท้า ตลาดนัดเปิดได้ถึง 2 ทุ่ม สนามกีฬาเปิดซ้อม จัดการแข่งขันได้แบบไม่มีผู้ชม และการเดินทางข้ามพื้นที่ขอให้เดินทางเท่าที่จำเป็น
ขณะที่ กทม.ได้ปรับข้อกำหนด อาทิ โรงเรียน อนุญาตใช้อาคารสถานที่ทำการ สอบ สอน อบรมได้ แต่ต้องมีการปรึกษากับกระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรการป้องกันโควิด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ ให้ ศปก.ศบค. ได้ประเมินสถานการณ์แล้ว ถ้ามีสิ่งใดอยากปรับเปลี่ยนให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีได้ ตั้งแต่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป ขณะเดียวกันขอให้รอกระทรวงสาธารณสุข จะได้ทำระเบียบออกมาในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งย้ำว่าจะเป็นเดือนแห่งการทดสอบระบบและมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา ภายใน 14 วันก็จะต้องมีการประเมินผลด้วย
@ หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ 2,542 ราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ และทารกแรกเกิด ระหว่าง 1 เม.ย.-28 ส.ค.2564 พบผู้ติดเชื้อ 2,542 ราย แบ่งเป็น คนไทย 1,703 ราย คนต่างชาติ 839 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อเคยรับวัคซีน 30 ราย ขณะที่มีทารกติดเชื้อ 134 ราย
ส่วนจังหวัดที่พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัดสูงสุด ได้แก่ กทม. 488 ราย สมุทรสาคร 449 ราย ปทุมธานี 101 ราย สมุทรปราการ 93 ราย นราธิวาส 87 ราย สงขลา 87 ราย ตาก 86 ราย ยะลา 80 ราย พระนครศรีอยุธยา 77 ราย และขอนแก่น 63 ราย
ทั้งนี้หากดูแผนภูมิแสดงการติดเชื้อโควิดของหญิงตั้งครรภ์ระหว่างเดือน 1 ธ.ค.- 28 ส.ค.2564 จะพบว่าเริ่มมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงในเดือน พ.ค.2564 จำนวน 241 ราย ถัดมาตั้งแต่ มิ.ย.2564 จนถึง ส.ค.2564 เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวน 234 ราย, จำนวน 819 ราย และ 1,170 ราย ตามลำดับ ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตเริ่มพุ่งสูงในเดือน พ.ค.2564 เช่นเดียวกัน จำนวน 5 ราย ถัดมาตั้งแต่ มิ.ย.2564 ลดลงมาเหลือจำนวน 2 ราย และเพิ่มขึ้นสูงอีกครั้งในเดือน มิ.ย.2564 จนถึง ส.ค.2564 จำนวน 14 ราย และ 46 ราย ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสตรีมีครรภ์ได้รับวัคซีนสะสมเข็มที่ 1 จำนวน 36,095 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,462 ราย
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 452,679 รวมสะสม 217.20 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 452,679 ราย รวม 217,207,453 ราย อาการหนัก 113,529 ราย หายป่วย 194,102,397 ราย เสียชีวิต 4,514,945 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 37,262 ราย รวม 39,665,515 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 284 ราย รวม 654,689 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 43,381 ราย รวม 32,737,569 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 527 ราย รวม 438,387 ราย บราซิล พบเพิ่ม 13,210 ราย รวม 20,741,815 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 278 ราย รวม 579,330 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่https://www.facebook.com/isranewsfanpage