ศบค.แจงกระจายวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 ให้ก่อน 50-60% ของความต้องการ ชี้ไม่ใช่ทุก รพ.จะได้ฉีด มอบ สสจ.สำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุด ยืนยันจัดสรรเพิ่มแน่นอน ขณะที่ สสจ.ขอนแก่นโต้ปมจัดสรรวัคซีนให้ รพ.ขอนแก่นไม่เพียงพอ เผยได้เฉลี่ยวัคซีนไปยัง รพ.อื่นๆ ของจังหวัดตามสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว
...........................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) กล่าวตอนหนึ่งในการรายงานสถานการณ์การระบาดประจำวันว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ จากการสำรวจความต้องการของบุคลากร ขณะนี้กรมควบคุมโรคจะจัดส่งในเบื้องต้น 50-60% ของความต้องการที่สำรวจไว้ก่อน หลังจากนั้นจะมีการสำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุด และจะจัดสรรให้เพิ่มอย่างแน่นอน
โดยตั้งแต่วันที่ 5-6 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนล็อตแรก ลงไปหน่วยฉีดเรียบร้อยแล้ว โดยต้องเน้นย้ำว่าไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลจะฉีดได้ แต่จะมีการกำหนดฉีดโดยสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เป็นผู้กำกับ เนื่องจากมีรายละเอียดเรื่องการขนส่งที่ต้องเก็บในอุณหภูมิที่ถูกต้อง
โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 7-9 ส.ค.นี้ เริ่มฉีดในหลายหน่วยบริการ ส่วนการกำกับติดตามนั้นขอให้ทุก สสจ. กำกับติดตามและเน้นความโปร่งใส ส่วนนักเรียนที่ต้องการเดินทางไปศึกษายังต่างประเทศ ขอให้ติดต่อลงทะเบียน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดจะมีการลงทะเบียนผ่าน QR Code ที่ต่างกัน
ขณะที่ นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น (สสจ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น แจงปมโรงพยาบาลขอนแก่นได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไม่ครบจำนวนตามที่ขอไว้ มีใจความสำคัญระบุว่า การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในล็อตแรกที่ได้รับมาจำนวน 9,480 โดส จากที่เสนอขอรับการจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าทั้งจังหวัด 17,035 คน ได้เฉลี่ยวัคซีนไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ ตามสัดส่วนที่เหมาะสม ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามที่ได้รับมาในแต่ละรอบ ซึ่งในล็อตนี้โรงพยาบาลขอนแก่นได้รับจัดสรรไป 720 คน เท่ากับ 50% หรือครึ่งหนึ่งของบุคลากรด่านหน้าที่ขอมาทั้งหมด
สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลหลายแห่งออกมาเรียกร้องว่าได้รับการจัดสรรไม่ครบตามยอดที่แจ้งไป โดย ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Surapon Niti ระบุตอนหนึ่งว่า พวกเราช่วยดูแลจัดหา จัดการ และฉีดแอสตร้าเซนเนก้าให้กับผู้คนมากกว่า 100,000 คนมาแล้ว แต่จะมีใครรู้บ้างว่า แพทย์พยาบาลจำนวนไม่น้อยที่เป็นคนฉีดวัคซีนให้กับคนอื่น เพิ่งเคยได้รับวัคซีนซิโนแวคเพียงสองเข็มตั้งแต่ มี.ค.และเม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเราได้ส่งรายชื่อแพทย์พยาบาล เภสัชกร นักรังสีเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ และเจ้าหน้าที่เวรเปล ตลอดถึงบุคลากรอื่นๆที่ทำงานด่านหน้าในโรงพยาบาล ที่แสดงความจำนงขอรับวัคซีนบูสเตอร์เข็มที่สามเป็นวัคซีนไฟเซอร์ไปที่กระทรวงผ่านจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ตามกติกาและเงื่อนไขที่กระทรวงกำหนดทุกอย่าง แต่เมื่อวันศุกร์บ่าย เราเพิ่งได้รับทราบว่าเราได้รับการจัดสรรให้บุคลากรด่านหน้าเพียง 60% ของจำนวนคนที่ส่งรายชื่อไปเท่านั้น ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนบุคลากรทั้งหมดที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลขณะนี้
ขณะเดียวกัน นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chatchai Mingmalairak ตัดพ้อเช่นเดียวกันว่า โรงพยาบาลได้รับวัคซีนไฟเซอร์เพียง 60% จากที่ขอไป ทั้งที่ยอดนี้ลดลงกว่าครึ่งในตอนแรก เพราะมีบุคลากรฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว โดยเราได้ส่งรายชื่อใหม่เป็นบุคลากรด่านหน้าที่จำเป็นต้องได้ตามข้อบ่งชี้ที่กระทรวงกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่คือแพทย์และพยาบาล
พร้อมตัดพ้อว่าเราทำงานหนักและต่อสู้มาโดยตลอด ถือเป็นหน่วยงานด่านหน้าอย่างแท้จริง มีเหตุผลอะไรถึงจัดสรรมาให้เพียง60% และยอดนี้ยังพ่วงรวมกับของผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงมาอีก และท่านใช้มาตรฐานอะไรในการจัดสรรเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่นๆ ที่อาจไม่ได้ดูแลคนไข้โควิดเลยด้วยซ้ำ ท่านจะให้เราส่งรายชื่อทำไมถ้าจะจัดสรรเป็นโควต้ามาแบบนี้ จะมีสักครั้งไหมที่ท่านตัดสินใจถูกต้องในครั้งแรก
ขณะที่โรงพยาบาลขอนแก่นได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2564 เพื่อขอวัคซีนเพิ่มให้บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์อย่างเพียงพอ หลังขอไปจำนวน 1,400 คน แต่ได้รับเพียง 700 โดสเท่านั้น ทั้งที่เป็จการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage