รองโฆษกรัฐบาลเผยเตรียมผ่อนปรนร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าขายออนไลน์ โดยไม่เปิดหน้าร้านได้ จ่อเสนอที่ประชุม ศบค.พิจารณาอนุญาตต่อไป
.............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ก.ค.2564 และที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) วันที่ 22 ก.ค.2564 มีแนวนโยบายให้ฝ่ายแพทย์พิจารณาผ่อนคลายมาตรการสำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ให้สามารถเปิดขายออนไลน์ได้นั้น ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้พิจารณามาตรการจำหน่ายอาหารออนไลน์ สำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) พิจารณาอนุญาตต่อไป
ทั้งนี้ การให้มีแนวทางที่จะผ่อนคลายให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดขายออนไลน์ได้ เนื่องมากจากรัฐบาลได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนจากการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ที่เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2564 เป็นต้นมา ซึ่งการผ่อนคลายครั้งนี้ยังคงต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด และต้องการความร่วมมือจากทั้งผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการรับส่งสินค้า และประชาชน
โดยแนวทางปฏิบัติเบื้องต้นที่จะผ่อนคลายให้กับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า มีดังนี้
1. ผู้ประกอบการ จัดทำมาตรการ DMHT สำหรับพนักงานทุกคน กล่าวคือ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่รวมกลุ่ม และ ไม่รับประทานอาหารร่วมกัน เดินทางมาทำงานแบบอยู่ในเส้นทางหรือพื้นที่ที่กำหนด (Sealed Route) ห้ามเปิดหน้าร้าน และกรณีมีอาการทางเดินหายใจ เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงาน
2. ห้างสรรพสินค้า จัดจุดรอรับอาหาร โดยเน้นมาตรการเว้นระยะห่าง ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ไม่รวมกลุ่มกัน จุดรอเป็นสถานที่ ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่พลุกพล่าน และมีระบบ DMHTA คือการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย จัดเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ หรือหมอชนะ
3. พนักงานรับส่งอาหารแบบออนไลน์ เน้นย้ำมาตรการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างผู้อื่น พกเจลแอลกอฮอล์ และกรณีมีอาการทางเดินหายใจ เป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงาน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage