'เลขาฯสมช.' ขอความร่วมมือ ปชช.งดออกจากบ้าน แต่จิตอาสา-สื่อมวลชน ยังออกได้ พร้อมเผยใช้ 'อูฮั่นโมเดล'คุมโควิด โยน สธ.ประเมินความจำเป็น ปัดปรับโครงสร้าง ศบค. ย้ำยังทำงานได้เป็นอย่างดียันทุกภาคส่วนร่วมมือกันเอาอยู่
..................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2564 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) กล่าวชี้แจงประเด็นสถานการณ์โควิดว่า สำหรับการประกาศมาตรยกระดับคุมเข้มตามข้อกำหนดออกความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นั้น ในช่วงเวลากลางวัน ขอให้ประชาชนลด หรือหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน แต่สื่อมวลชนถือเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นและกลุ่มจิตอาสาถือว่าเป็นการทำงานบริการสาธารณสุขจึงสามารถเดินทางออกนอกเคหสถานได้ โดยสื่อมวลชนขอให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน รวมถึงการลดการแพร่เชื้อด้วย
ส่วนกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดนั้น หากมีความจำเป็น ประชาชนยังสามารถเดินทางได้ โดยต้องมีหลักฐานในการเดินทางข้ามจังหวัด แบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.หลักฐานเป็นเอกสาร และ 2. QR Code จากเว็บไซต์หยุดเชื้อเพื่อชาติ ซึ่งจะเปิดให้บริการให้กรอกข้อมูลเพื่อรับ QR Codeในเย็นวันนี้ เมื่อไปถึงด่านตรวจขอให้แสดง QR Code ได้เลย เจ้าหน้าที่จะมีแอปพลิเคชันที่อ่าน QR Code นี้ได้ เพียงแต่ต้องตอบข้อซักถามที่ด่านเพิ่มเติม อาจจะไม่สะดวก แต่ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มีมาตรการคัดกรองเพื่อจำกัดหรือให้หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด
ทั้งนี้หากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นและมีความจำเป็นมาก ต่อไปอาจมีการยกระดับห้ามออกนอกเคหสถานได้ แต่ขอย้ำว่าเราไม่ได้มองที่ตัวเลขใด ตัวเลขหนึ่งเพียงอย่างเดียว เราจะมองถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ ตัวเลขสถานพยาบาลที่มีอยู่ และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจด้วย
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในการให้เปิดสถานพยาบาลได้นั้น รวมถึงสถานพยาบาลของสัตว์ด้วย เนื่องจากถือว่าเป็นกิจการด้านสาธารณสุข ในปัจจุบันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีสัตว์เลี้ยงในความดูแล และมีความผูกพันกับสัตว์ หากสัตว์ป่วย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บริการด้านสาธารณสุขนี้ ถือเป็นข้อยกเว้นตามข้อกำหนดด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณัฐพล กล่าวยืนยันด้วยว่า หากตัวเลขผู้ป่วยยังไม่ลดนั้น โดยปกติ ศบค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราได้เตรียมการในทุกสถานการณ์ เราจะคิดสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นต้องทำอย่างไร หากไม่ดีขึ้นจะทำอย่างไร สำหรับโมเดลอู่ฮั่น เป็นข้อเสนอของกรมอธิบดีกรมควบคุมโรค หากมีความจำเป็นต้องใช้ตามการประเมินของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อถึงเวลาดังกล่าว ศบค.มีความพร้อมที่จะดำเนินการในทันที
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมากกระทรวงสาธารณสุขได้ทำงานในการจัดหาวัคซีนอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาที่เห็น อยู่ที่ 1. ปัจจัยสภาพแวดล้อมและบริบทของวัคซีนที่แตกต่างกันออกไป วันหนึ่งวัคซีนชนิดหนึ่งใช้ได้ผล แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เกิดเชื้อกลายพันธุ์ วัคซีนอาจใช้ไม่ได้ผลในสถานการณ์นั้น เพราะฉะนั้นจะต้องปรับรูปแบบกันไป 2.ปริมาณวัคซีนมีจำกัด ตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ เราไม่สามารถบังคับให้เขาจัดส่งตามที่เราต้องการได้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขยังทำงานกันอย่างเต็มที่
ส่วนการจะงดการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ช่วงนี้เรากำลังหารือกันอยู่ในการปรับแผนในการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะนำไปพิจารณาและนำมาเรียนนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ทั้งนี้ มาตรการนี้จะสำเร็จได้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ 1. ภาครัฐจะต้องมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้นจริงจัง มีความประณีตในการควบคุมโรค 2.เอกชน ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามที่ศบค.กำหนด และ 3. ประชาชน ให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน นอกจากนั้น อีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้การควบคุมโรคทำได้สำเร็จ คือการที่สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจขยายผลไปสู่ประชาชน หากทั้ง 4 ส่วนให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจัง คาดว่าสถานการณ์เอาอยู่ แต่หากมี ศบค.ลำพัง ต่อให้มีมาตรการเข้มงวด ศบค.คิดว่าไม่น่าจะเอาอยู่
"อย่างไรก็ตามขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมืออย่างดี ขอเวลาอีก 14 วัน ถ้ามาตรการต่างๆ ได้รับความร่วมมืออย่างดีแล้ว ศบค.มีความมั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลายขึ้น" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เมื่อสอบถามว่าจะมีการปรับโครงสร้าง ศบค.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันในโครงสร้างเราสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี บางครั้ง อาจมีการให้ข้อมูลที่แตกต่างกันบ้าง แต่หลังจากนั้นเราจะมีการพูดคุยกัน ขอยืนยันว่าทีมเดิมสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่จะเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา หรือนายกรัฐมนตรีที่จะมอบหมาย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage