'วิโรจน์ ลักขณาอดิศร' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แฉ! รพ.มทส. จ้างทำศูนย์หัวใจ แบ่งรายได้ให้เอกชนสูงถึงร้อยละ 80 ทั้งที่ใช้อุปกรณ์เครื่องมือตัวเองหมด ฝ่าย บ.แค่หาแพทย์มาคนเดียว-หวั่นทำขาดทุน ด้าน นพ.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล ผอ.รพ. เผยชี้แจง กมธ.ติดตามใช้จ่ายงบฯสภาแล้ว แต่รายละเอียดขอให้สอบถามผู้รับผิดชอบการใช้จ่ายงบ โดยตรงดีกว่า
............................
การทำสัญญาข้อตกลงแบ่งรายได้ในการดำเนินงานศูนย์โรคหัวใจ ระหว่าง โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุรนารี (มทส.) กับเอกชนรายหนึ่ง กำลังถูกจับตามอง เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยว่า รายละเอียดของส่วนแบ่งรายได้นั้นอาจจะทำให้โรงพยาบาลประสบภาวะขาดทุนได้
โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนตรวจสอบประเด็นข้อร้องเรียนเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณที่ส่อว่าจะมีความไม่คุ้มค่าในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุรนารี (มทส.) จากการทำสัญญาจ้างกับเอกชนรายหนึ่งในการดำเนินงานศูนย์โรคหัวใจ แต่เมื่อดูในรายละเอียดของส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาแล้ว เห็นได้อาจมีปัญหาทำให้โรงพยาบาลอยู่ในภาวะขาดทุนได้
นายนวิโรจน์ กล่าวว่า ในรายละเอียดสัญญานั้นเป็นการจ้างให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ แต่ข้อมูลรายละเอียดในสัญญาที่โรงพยาบาลทำกับเอกชนพบว่าสัดส่วนรายได้ที่บริษัทแห่งนี้จะได้รับจากการผ่าตัดจะอยู่ที่ร้อยละ 80 ส่วนโรงพยาบาลจะมีรายได้สัดส่วนแค่ร้อยละ 20 เท่านั้น ทั้งที่ในรายละเอียดสัญญามีการระบุไว้ชัดเจนว่า โรงพยาบาลเป็นผู้ที่จัดหาทุกอย่างทั้งอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมโรงพยาบาล มทส.ที่มีการแบกรับความเสี่ยงมากกว่าบริษัทเอกชนจึงได้สัดส่วนรายได้แค่ร้อยละ 20 ดังกล่าว
“ตามหลักการนั้นถ้าเอกชนเป็นคนลงทุนส่วนใหญ่ ใครแบกรับความเสี่ยงมากก็ต้องได้มาก แต่กรณีนี้มันน่าสังเกตเมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาหลายแห่งของโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลพัทลุง โรงพยาบาลระยอง หรือโรงพยาบาลบางพลี จะพบว่าในกรณีโรงพยาบาล มทส.นั้นในส่วนของเครื่องไม้เครื่องมือ โรงพยาบาล มทส.เขาเป็นคนรับผิดชอบ ในส่วนของเครื่องเอ็กซเรย์ศูนย์หัวใจที่มีมูลค่า 30-50 ล้านบาท เอกชนเขาไม่ได้ลงทุนอะไรเช่นกัน ซึ่งตัวเครื่องมันมีอยู่แล้วเป็นของโรงพยาบาลที่เป็นฝ่ายลงทุนและเป็นงบประมาณแผ่นดิน เพียงแต่ว่าทางฝ่ายเอกชนมาย้ายเครื่องและมาดูแลในส่วนของค่าดูแลรักษาเท่านั้นเอง ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์อีกหลายๆตัว รวมถึงยาและเวชภัณฑ์ ที่โรงพยาบาล มทส.เขาก็เป็นคนจัดหาเช่นกัน แต่ปรากฏข้อมูลว่าเอกชนแห่งนี้มีการลงทุนแค่จัดหาอายุรแพทย์โรคหัวใจ แค่คนเดียวเท่านั้นเอง” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า "ดังนั้นเรื่องนี้ก็ต้องตั้งคำถามว่า ในเมื่อโรงพยาบาล มทส.แบกรับต้นทุนเยอะขนาดนี้ แต่ได้ส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 20 มันพอจริงๆหรือ มันไม่เรียกว่าขาดทุนตั้งแต่ในกระดาษแล้วหรือ และถ้าหากคุณลงทุนขนาดนี้แล้วขาดทุนขนาดนี้แล้วต้องการแพทย์แค่ 1 คน ทำไมคุณไม่จัดจ้างแพทย์แค่ 1 คนไม่ดีกว่าหรือ หากเปรียบเทียบกับกรณีที่ถูกต้อง อาทิ ที่โรงพยาบาลพัทลุง ที่เอกชนเข้ามาลงทุนก็ต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่ให้กับโรงพยาบาล เครื่องเอกซเรย์ เขาก็ลงทุนเอง ซึ่งตรงนี้เอกชนก็เลยได้สัดส่วนรายได้ไปร้อยละ 90 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว โดยโรงพยาบาลนั้นจะเป็นผู้ที่จะได้รายได้ไปในส่วนของการให้เอกชนมาเช่าพื้นที่"
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ทราบข้อมูลด้วยว่าในจังหวัดนครราชสีมานั้นมีโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกแห่งหนึ่งที่มี ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวแล้วก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมทางโรงพยาบาล มทส.นั้นต้องมาทำศูนย์โรคหัวใจที่มีความซ้ำซ้อนกันด้วย ทำไมไม่ไปทำในรายละเอียดในสิ่งที่ทางโรงพยาบาลมหาราชยังขาดอยู่ "
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่าในวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของสภาผู้แทนราษฎรได้มีการสอบถามประเด็นนี้ไปยังทางผู้บริหารโรงพยาบาล มทส.เป็นทางการแล้ว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยัง นพ.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มทส. เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
นพ.นิวัฒน์ชัย ยืนยันกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราว่า ได้มีการตอบข้อซักถามกับคณะกรรมมาธิการฯ ไปแล้ว อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับเรื่องนี้ขอให้ผู้สื่อข่าวสอบถามกับผู้บริหารที่ดูแลฝ่ายการเงินและบริหารทั่วไปให้เป็นผู้ตอบข้อซักถามจะดีกว่า
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/