"...ทุกวันที่มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายโควต้า ก็จะเห็นได้ชัดเจนจากการเปลี่ยนแปลงรายวัน ไม่ต้องอธิบายอีก คนอ่านเห็นลดที่นี่ เพิ่มที่นั่น เขาไปสอดส่องตั้งคำถามกับแต่ละจุดรับเอาเองว่า อันไหนได้มาเพิ่มด้วยเหตุใด อันไหนลดเพราะเหตุใด หน่วยงานไหน จังหวัดไหนกระจายแบบเข้าท่า ไม่เข้าท่า แบบนี้ เส้นสาย การเมือง ฯลฯ จะย้ายไปตกกับคนระดับรับวัคซีน ไม่สุมอยู่กับคณะกรรมการหรือผู้จัดสรรส่วนกลาง เพราะตัวเลขแจ้งอยู่แล้ว..."
#คาถาพารอด
วันนี้โดนเลื่อนฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนโดนย้ายไปให้ที่ที่ด่วนกว่า เข้าใจด้วยประสบการณ์ละว่า ปัญหามีอยู่ เป็นปัญหาที่ทำให้หมอรุ่นกำลังทำงานที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนโยบายบอกว่า “โควิดระบาดรอบสอง กับรอบสาม วิธีจัดการแปลกๆ แปร่งๆ เหมือนไม่ใช่หมอ แต่เป็นการเมือง ถ้าเป็นหมอ ก็หมอการเมือง”
หลายคำถามประดังเข้ามา วันนี้เลือกมาคำถามเดียว"วัคซีนของประเทศไทยที่เราซื้อมาแล้ว อยู่ไหน ใครรู้บ้าง"
หมออธิบาย รัฐบาลออกมาบอก ดูจะไม่เชื่อ เหมือนกับว่าออกข่าวคลุมเครือ
ไม่ชัดเจนว่าจัดยังไง วัคซีนไปไหน
ทำไมจังหวัดที่ไม่มีการระบาดได้ฉีดก่อน
ไม่รู้ว่าข่าวออกแต่ไม่กระจาย หรือข่าวออกแต่โดนบิด
แล้วก็มีข่าวซ้อนออกมาว่า ลงทะเบียนไม่ได้ ผู้สูงอายุยังไม่ได้ฉีด (ดิฉันด้วย)
แล้วก็มีข่าวคนโน้น คนนี้ได้ฉีด บางคนออกสื่อว่า “ฉันได้ฉีดแล้ว เย้ เย้” เป็นโอกาสของการตั้งสภากาแฟ (สมัยนี้เขาเป็นไลน์กลุ่ม และ facebook live แล้ว) วิพากย์ทุกรูปแบบว่าด้วยการจัดสรรวัคซีน (เรื่องประเด็นอื่น เว้นไว้ก่อน)
ขอเสนอวิธีแก้ไข ง่ายนิดเดียว
25 ปีมาแล้ว ก็นานโข แต่หลักคิดที่ใช้กับการเงินตอนนั้น ยังน่าจะใช้ได้ กับเรื่องการหมอหรือการเมืองในเวลานี้
หลักนั้นก็คือ “ความโปร่งใส" ก่อนที่จะร้อง “ยี้” โปรดอ่านต่อไป เรื่องนี้ไม่ได้พูดแต่คำโตๆ เก๋ๆ น่ารำคาญ ในยามที่ทั้งประเทศไม่ว่าธนาคาร รัฐบาล หรือใคร ล้วนเงินสดขาดมือ สถานการณ์มันก็คล้ายๆ ตอนนี้นะ ทุกคนแย่งเงินสดกัน (ปี พ.ศ.2540) ครั้งนั้นดิฉันนั่งดูแลสั่งเงินก้อนโต (เงินสดประมาณ ๖ หมื่นล้าน ที่โตขึ้นทุกเดือน เดือนละ 1 พันล้าน) เงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน เย้ายวนจริงๆ จะเอาไปไว้ไหน จัดสรรอย่างไร
แน่นอนว่ามีข่าวลือเสมอว่ารัฐบาลฮุบเงินไปแล้ว คนยังไม่เชื่อข่าวเล่าลือ มีบางรายโทรศัพท์มาถามตรงๆ ที่สำนักงาน และเขาเชื่อที่ตอบ social credit สำคัญกว่าที่ใครๆ จะคาดคิดได้
เงินก้อนขนาดนั้น นักการเงินไม่หวั่น จัดการได้สบาย แต่เงินก้อนโตขนาดนั้นในยามที่ขาดเงิน ใครได้ไปก็โชคดี รอดตายได้ ดังนั้นการ “วิ่ง” มาเอาเงินเกิดขึ้นหลายรูปแบบ ทั้งการขอร้อง “ผู้ใหญ่” ให้มาบอกไม่ให้ถอนเงินฝากที่ฝากไว้แล้ว ทั้งผู้จัดการสาขาที่เป็นเพื่อน เพื่อนของเพื่อน และพนักงานสาขา ที่เป็นญาติของเพื่อน เพื่อนของญาติ หรืออ้างความรู้จักกับผู้ใหญ่อีกบางราย แวะเวียนมาขอเงินฝาก เพื่อสร้างผลงาน พร้อมเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสำนักงานใหญ่
ปัญหารำไรอยู่ตรงหน้าเลยละ
ถ้าฝากเงินที่สาขาบางสาขาเพราะเห็นแก่ดอกเบี้ย ก็คงมีอีกหลายสาขามาขอบ้าง หาจุดหยุดไม่ได้ ถ้าไม่ฝากกับสาขารายที่ขอ ก็ต้องเสียเพื่อนและสร้างความไม่พอใจกับคนรู้จักอีกหลายคน แถมด้วยข่าวลือไม่เป็นมงคลว่าเหตุใดจึงเลือกฝากหรือเลือกไม่ฝากกับใคร มีแต่เรื่องเปลืองตัว
แล้วดิฉันทำอย่างไร
1. ตั้งกฎเกณฑ์ กติกาที่ใช้ ทั้งการเลือกธนาคาร วงเงินที่จะฝากแต่ละธนาคาร โดยวิเคราะห์จากผลงาน แล้วตัดสินด้วยดอกเบี้ย แจ้งให้คณะกรรมการรับทราบ แล้วยึดตามนั้น
2. แจ้งสำนักงานใหญ่ทุกธนาคารว่า เราไม่มีนโยบายติดต่อกับสาขาเป็นรายสาขา ขอให้สำนักงาน ใหญ่มอบหมายเจ้าหน้าที่ประจำมาดูแลบัญชีและต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเสนอดอกเบี้ยได้
เรื่องจบลงด้วยดี ไม่มีนักวิ่งเหลืออยู่ และความสัมพันธ์กับแต่ละธนาคารเป็นการติดต่อเจรจากันระหว่างสถาบันแบบมืออาชีพ
ข้อเสนอ
แค่ทำตารางเดียว เรื่องวัคซีนก็จบ
คุณหมอเก่งเรื่องตารางอยู่แล้ว ทุกวันนี้ดูตารางเดียวก็รู้ว่า คนป่วย คนหาย คนตาย คนฉีดวัคซีนแล้ว ฯลฯ เท่าไหร่ เป็นตารางสรุปที่เหลือบตามองก็รู้เรื่อง
การตั้งกติกา ได้ยินว่ามีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน เปลี่ยนในรายละเอียด หรือเป็นตัวภาพรวม และเปลี่ยนอย่างมีเหตุผลหรือไม่
ต่อจากนั้นก็ทำตารางสรุปออกมา
คนอ่านจะรู้ว่าวัคซีนมาเท่าใด ยี่ห้อใด
กระจายไปที่ไหน เท่าไหร่
เช่น แยกรายจังหวัด ก็ระบุจังหวัด ระดับ กทม. อาจจะต้องแยกย่อยลงไปต่างหาก เป็นระดับโรงพยาบาล หรือระดับเขต หรืออื่นใด ตามที่มีกติกาวางไว้ (อาจจะต้องมีตารางละเอียดประกอบด้วย แต่ยิ่งมียิ่งดี ทุกคนจะได้ช่วยกันสอดส่อง)
ทุกวันที่มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายโควต้า ก็จะเห็นได้ชัดเจนจากการเปลี่ยนแปลงรายวัน ไม่ต้องอธิบายอีก คนอ่านเห็นลดที่นี่ เพิ่มที่นั่น เขาไปสอดส่องตั้งคำถามกับแต่ละจุดรับเอาเองว่า อันไหนได้มาเพิ่มด้วยเหตุใด อันไหนลดเพราะเหตุใด หน่วยงานไหน จังหวัดไหนกระจายแบบเข้าท่า ไม่เข้าท่า
แบบนี้ เส้นสาย การเมือง ฯลฯ จะย้ายไปตกกับคนระดับรับวัคซีน ไม่สุมอยู่กับคณะกรรมการหรือผู้จัดสรรส่วนกลาง เพราะตัวเลขแจ้งอยู่แล้ว
นี่คือความโปร่งใส
ความโปร่งใสแบบนี้ จะช่วยให้คณะผู้จัดสรรวัคซีนรอดปลอดภัยจากการเมือง คำติฉิน ความอึดอัด ฯลฯ ทั้งปวง เป็นกระจกใส ไฟสว่าง คนมองเข้ามาได้ แต่เอื้อมมือเข้ามาโดยไม่มีคนรู้เห็นไม่ได้
นี่แหละค่ะ คาถาพารอด
ที่มา : https://thaidialogue.wordpress.com/2021/06/01/transparency