"...มีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา โดย Zayas V และคณะ ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Frontiers in Psychology เมื่อปี 2017 โดยทำการศึกษาในประชากรจำนวนเกือบ 15,000 คน และได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ในช่วงเทศกาลวันแห่งความรักนั้น หากมีการให้กุหลาบแดง หรือ ช็อกโกแลต จะส่งผลให้ผู้ได้รับนั้นมีความรู้สึกดีๆ มากกว่าการให้ในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ใช่เทศกาลวันแห่งความรัก นอกจากนี้ผลของการมอบกุหลาบแดง หรือช็อกโกแลตนั้นยังส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีๆ มากกว่าการไปใช้บริการหาคู่ทางออนไลน์ด้วย..."
เช้าวันเสาร์ ตื่นมาทำงานบ้านเพลินๆ นั่งอ่านข่าวคราวจากในเครือข่ายสังคม เห็นคนฉลองวันแห่งความรักกันตรึม แทบร้อยทั้งร้อยก็จะมีภาพประกอบด้วยดอกไม้ และของขวัญ แต่ปีนี้ไม่ค่อยเห็นช็อกโกแลต
วันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักนั้นมีอะไรเกี่ยวกับการแพทย์บ้างไหมนะ?
นี่คือคำถามในสมอง ที่ทำให้ลองค้นข้อมูลในฐานข้อมูลทางการแพทย์ดู พบว่ามีงานวิจัยที่เอ่ยถึงวันแห่งความรักอยู่เกือบ 50 เรื่อง
นั่งอ่านไปเรื่อยๆ หลายเรื่องก็ล้าสมัยไปแล้ว จึงหยิบเรื่องที่น่าสนใจสำหรับตัวเองมาสรุปไว้ในที่นี่
เรารณรงค์ในวันแห่งความรักให้วัยรุ่นรู้จักป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวกันไว้ก่อน เพราะเด็กๆ อาจยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลกระทบดังกล่าวที่จะตามมา
เทศกาลเช่นนี้เป็นวัฒนธรรมที่มีมานาน และก่อให้เกิดบรรยากาศที่ทำให้อารมณ์พาไปได้ง่าย ยิ่งหากบรรยากาศแบบโรแมนติก และมีพร็อพต่างๆ มาประกอบด้วย ยิ่งทำให้อารมณ์ ทัศนคติ และการตัดสินใจปฏิบัติการใดการหนึ่งนั้นย่อมมีความเป็นไปได้มากกว่าภาวะปกติ
มีงานวิจัยในสหรัฐอเมริกา โดย Zayas V และคณะ ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Frontiers in Psychology เมื่อปี 2017 โดยทำการศึกษาในประชากรจำนวนเกือบ 15,000 คน และได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ในช่วงเทศกาลวันแห่งความรักนั้น หากมีการให้กุหลาบแดง หรือ ช็อกโกแลต จะส่งผลให้ผู้ได้รับนั้นมีความรู้สึกดีๆ มากกว่าการให้ในช่วงเวลาอื่นที่ไม่ใช่เทศกาลวันแห่งความรัก นอกจากนี้ผลของการมอบกุหลาบแดง หรือช็อกโกแลตนั้นยังส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีๆ มากกว่าการไปใช้บริการหาคู่ทางออนไลน์ด้วย
แม้งานวิจัยดังกล่าวจะไม่สามารถตอบคำถามอื่นๆ ที่หลายคนสนใจกว่านั้นคือ จะประสบความสำเร็จไหมหากจะบอกรักในวันวาเลนไทน์หลังจากเตรียมกุหลาบกับช็อกโกแลตไปให้คนที่เราชอบแล้ว? แต่อย่างน้อยก็ชี้โพรงให้กระรอกได้เห็นว่า มีโอกาสทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ แก่ผู้รับได้เยอะกว่าช่วงเวลาอื่นนะ
อ่านมาถึงตอนนี้เลยรู้สึกดีใจไปกับพี่ตูนและน้องก้อย #ตขกตงล ที่มีข่าวในวันแห่งความรักพอดีเลย
พอมาคบกัน เป็นคู่กัน แต่งงานกัน เป็นครอบครัว ก็มีคำถามในหัวเกิดขึ้นว่า เอ๊ะ วันแห่งความรักนี้มีผลอย่างไรกับการมีลูกไหมนะ?
Levy RB และคณะ ได้ลองทำการศึกษาสถิติการคลอดในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2006-2016 โดยเปรียบเทียบเทศกาลวาเลนไทน์ กับฮาโลวีน ว่ามีจำนวนการคลอดแตกต่างจากช่วงอื่นของปีหรือไม่
ผลการศึกษาเป็นไปตามคาดหมาย
ช่วงเทศกาลวันแห่งความรักนั้นมีอัตราการคลอดลูกแบบปกติเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 3.6 ในขณะที่มีอัตราการผ่าคลอดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.1
ส่วนวันปล่อยผี หรือวันฮาโลวีนนั้น มีอัตราการคลอดลูกแบบปกติลดลงราวร้อยละ 5.3 ในขณะที่มีอัตราการผ่าคลอดลดลงถึงร้อยละ 16.9
ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า หน้าเทศกาลและความหมายที่ฝังอยู่กับความเป็นเทศกาลนั้นดูจะส่งผลต่อการเกิดของเด็กมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องฤกษ์งามยามดี แต่อยู่ที่ความสัมพันธ์ในครอบครัว "พ่อแม่ลูก" ครับ
สวัสดีเทศกาลแห่งความรัก
อ้างอิง
1.Zayas V et al. Red Roses and Gift Chocolates Are Judged More Positively in the U.S. Near Valentine’s Day: Evidence of Naturally Occurring Cultural Priming. Front Psychol. 2017; 8: 355.
2.Levy RB et al. Influence of Valentine’s Day and Halloween on Birth Timing. Soc Sci Med. 2011 Oct;73(8):1246-8. doi: 10.1016/j.socscimed.2011.07.008.
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.freepik.com/