"...ไม่มีใครอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง แต่ความคิดนี้ เป็นเพียง หนึ่งในความคิด หรือวิธีคิด ที่อนุมานจากสิ่งต่างๆที่พบเห็น .. หากคิดว่า มีส่วนที่เป็นจริง ก็อยากชวนให้เรากลับมาทบทวน สังคมบ้านเรายังไปต่อได้ ถ้าเราช่วยกัน การให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันทางสังคม เป็นพื้นฐานของมนุษย์ ขาดเสียซึ่งสิ่งนี้ เราจะเจอแต่การทำลายล้างกันครับ กิจกรรมทางสังคม เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่จะบันทึก หลักการนี้ไว้ใน “วิญญาณ” ไว้ใช้สำหรับชี้นำการกระทำของเรา..."
#โศกนาฏกรรมเป็นเพียงปลายเหตุที่ปรากฏให้เห็น
ข่าวการยิงคนบริสุทธ์กลางห้างสรรพสินค้าด้วยอาวุธสงครามจนเป็นโศกนาฏกรรมหมู่ที่ร้ายแรงอย่างเมื่อวานนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน ... หลายคนอาจจะถามถึงแรงจูงใจ หรือ สาเหตุ หลายคนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับเมืองพุทธอย่างบ้านเรา หลายคนวิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ที่แน่ๆ คือ มันเกิดขึ้นจริง และ ก็ไม่มีคนมาอธิบาย เพราะคนอธิบายไม่อยู่แล้ว ปรากฏการณ์นี้อธิบายด้วยตัวเองอยู่แล้ว ลองมาทบทวนกันดู
-ความคิดที่จะฆ่าคน นั้นผิดธรรมชาติ ตั้งแต่ การปล้นร้านทองและยิงคนบริสุทธ์แล้ว และในอีกไม่ถึงเดือนต่อมา ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ที่ว่าผิดธรรมชาติ เพราะ ในสมองของคนเรา จะกระทำใดๆ หรือ ก่อกรรมใดๆ จะผ่านกระบวนการกลั่นกรองโดยธรรมชาติก่อนทำ และ ในความเป็นสัตว์สังคมนั้น อันตรายอย่างหนึ่งที่คนถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก คือ การไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตราย (ถึงแม้ว่าวิธีคิดแบบนี้เพื่อการอยู่รอดจะมีอยู่ในหญิงมากกว่าชาย แต่ชายก็ยังคงมีวิธีคิดแบบนี้อยู่) วิวัฒนาการของมนุษย์หลายพันปีที่ผ่านมา สอนเรา จนปรากฏอยู่ใน DNA คือ มนุษย์นั้นอ่อนแอ (ต้องให้พ่อแม่ดูแล ในช่วงตั้งท้อง 9 เดือน กว่าจะเดินหรือกินอาหารได้ 2 ปี และกว่าจะช่วยตัวเอง เอาตัวรอด ต้องเกิน 7 ปีขึ้นไป) ดังนั้น จึงต้องอาศัย ความพึ่งพาอาศัยกันในสังคม เพื่อความอยู่รอด และ ความเชื่อนี้ ถูกฝังแน่น และ ทำให้แน่นขึ้น จากการเลี้ยงดู จนเกิดระบบต่างๆทางสังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เป็นสังคมชั้นวรรณะในอินเดีย ศักดินาในประเทศต่างๆ ยุคเดิม สังคมแบบครอบครัวใหญ่ในจีนและไทยในอดีต ความที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน การยอม เพื่อ ได้ จึงเกิดขึ้น และ ชัดเจนมากในอดีต ในสังคมประชาธิปไตย ก็ยังคงมีให้เห็น เช่น การฟังเสียงส่วนใหญ่ ฯลฯ การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจึงอยู่ในส่วนที่ลึกมากของความคิด และ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจก่อนที่จะทำสิ่งต่างๆ
-การกระทำที่ไม่คำนึงหรือคิดถึงผลที่จะตามมาทางสังคม หรือ ปัจจัยทางสังคมที่ไม่มีส่วนในการยับยั้งชั่งใจนี้ ค่อยๆก่อตัวขึ้นเมื่อสังคมเปลี่ยนไป การคิดถึงตัวเอง การอยู่กับตัวเอง โดยไม่ต้องอยู่กับคนอื่น การอยู่ได้ทั้งวันด้วยโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ทำให้วิธีคิดของคนเปลี่ยนไป ไม่ใช่ไม่ดี แต่ความสำคัญของคนอื่น ความมีคุณค่าของชีวิตของคนอื่น ความมีคุณค่าของคนอื่น ในสายตาเราน้อยลงทุกทีๆ และเมื่อความเครียดเกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ ทางครอบครัว ทางการงาน ทางสังคม จึงทำให้การติดสินใจทำอะไรผิดปกติไป ต่างไปจากกฏพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันทางสังคม
-เราเคยเห็นเหตุการณ์ยิงกันหมู่แบบนี้ในอเมริกา (เจอในเด็กและคนยุคใหม่มากกว่า) เพราะการไม่ต้องมีสังคมแบบครอบครัวใหญ่ การเจอกันก็เป็นการเจอกันเพียงผิวเผิน ใส่หน้ากาก จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องคิดถึงคนอื่น ซึ่งผิดกับสังคมไทยในอดีต ที่เราใส่ใจคนอื่น ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น
-ไม่มีใครอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง แต่ความคิดนี้ เป็นเพียง หนึ่งในความคิด หรือวิธีคิด ที่อนุมานจากสิ่งต่างๆที่พบเห็น หากคิดว่า มีส่วนที่เป็นจริง ก็อยากชวนให้เรากลับมาทบทวน สังคมบ้านเรายังไปต่อได้ ถ้าเราช่วยกัน การให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันทางสังคม เป็นพื้นฐานของมนุษย์ ขาดเสียซึ่งสิ่งนี้ เราจะเจอแต่การทำลายล้างกันครับ กิจกรรมทางสังคม เป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่จะบันทึก หลักการนี้ไว้ใน “วิญญาณ” ไว้ใช้สำหรับชี้นำการกระทำของเรา
โดย นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ รองคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
https://www.facebook.com/102927826723871/posts/1095912920758685/?d=n