"...แชมป์ในความเป็นผู้นำในการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ทุกประเทศทั่วโลกรังเกียจจึงตกมาเป็นของประเทศไทย ใช่แล้ว ต่อไปนี้ทั่วโลกก็จะโยนมือถือเก่า คอมพิวเตอร์ตกรุ่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้าสมัยมาที่ะถังขยะใบนี้ในประเทศไทย เลยไปรับมาเต็มๆ กลายเป็นศูนย์กลางการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ของภูมิภาคนี้ ข่าวรายงานว่าที่เกาะขนุน และแถบจังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ชายชาวบ้านเข้าทำงาน แยกขยะในโรงงานแยกขยะเหล่านี้โดยใช้มือเปล่า ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองใดๆทั้งสิ้น ทั่งๆที่อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอร์รี่ต่างๆ สามารถก่อสารพิษให้กับคนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างรุนแรงและยาวนาน..."
ใครรู้บ้างว่าประเทศไทยเป็นผู้นำด้านหนึ่งในโลก นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีใครเอาเพราะเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
ข่าวใน นสพ.นิวยอร์คไทม์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมานี้บอกว่า ที่ประเทศไทยกลายเป็นถังขยะใบใหญ่ของโลกในขณะนี้เพราะประเทศจีนปฏิเสธที่จะรับภูเขาขยะอิเล็กทรอนิกส์เพราะเป็นอันตรายต่อผืนแผ่นดิน และสุขภาพประชาชนมากเกินไป
แชมป์ในความเป็นผู้นำในการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ทุกประเทศทั่วโลกรังเกียจจึงตกมาเป็นของประเทศไทย ใช่แล้ว ต่อไปนี้ทั่วโลกก็จะโยนมือถือเก่า คอมพิวเตอร์ตกรุ่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้าสมัยมาที่ะถังขยะใบนี้ในประเทศไทย เลยไปรับมาเต็มๆ กลายเป็นศูนย์กลางการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ของภูมิภาคนี้ ข่าวรายงานว่าที่เกาะขนุน และแถบจังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้ชายชาวบ้านเข้าทำงาน แยกขยะในโรงงานแยกขยะเหล่านี้โดยใช้มือเปล่า ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองใดๆทั้งสิ้น ทั่งๆที่อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอร์รี่ต่างๆ สามารถก่อสารพิษให้กับคนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างรุนแรงและยาวนาน
แต่ธุรกิจนี้กำไรดี เพราะแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศยุติการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังมีการลักลอบนำเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะโรงงานเหล่านี้ยังเปิดทำงานกันอย่างเอิกเกริก แม้จะอ้างว่ากำจัดของตกค้างก่อนการประกาศห้ามนำเข้า แต่ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า ไม่จริงเพราะของตกค้างไม่ควรมีจำนวนมากมายขนาดนี้
“แปลกแต่จริง โรงงานเถื่อนสร้างออกใหญ่โตโดยชาวต่างชาติ จ้างแรงงานผิดกฎหมายมาทำงาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับมองไม่เห็น” นี่คือความเห็นหนึ่งในทวิตเตอร์
ทำไมสังคมจีงต้องช่วยกันจับตามองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่เข้าไปรับทำงานแยกขยะและชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณโรงงานแยกขยะ กำลังได้รับผลจากคงามเป็นพิษของขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้
ชาวบ้านที่เข้าไปทำงานไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองถึงไม่สบายหลังจากรับงานแยกสายไปจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แยกส่วนแผงต่างๆ จากมือถือทิ้งแล้ว ประชาชนที่อยู่แถบโรงงานก็ไม่รู้ว่าอากาศที่มีควันจากโรงงานเผาขยะเหล่านี้ทำไมจึงทำให้ตนเองและครอบครัวป่วยจนกลายเป็นโรคร้าย ทำไมการกินปลาที่จับได้แถบนี้จึงเปรียบเหมือนกินยาพิษ
เพราะเมื่อขณะเหล่านี้ถูกนำไปเผาทำลายก็จะก่อให้เกิดควันพิษที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็ง และเศษขยะเมื่อเข้าไปปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมก็จะสร้างผลเสียกับแผ่นดินและน้ำ หลังจากนั้นความเป็นพิษก็จะแทรกซึมเข้าไปในห่วงโซ่อาหาร กลับกลายมาเป็นสารพิษบนโต๊ะอาหารของเราทุกคน
ที่มา : เครือข่ายมองข่าว
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก เดอะนิวยอร์กไทมส์