"...เขาทบทวนงานวิจัยต่างๆ และสรุปมาเหมือนกับที่เคยสื่อสารกันไปแล้วว่า สารสกัดจากกัญชานั้นมีที่ใช้ทางการแพทย์ในไม่กี่โรค และไม่ใช่ทางเลือกแรกในการรักษา การวิจัยต่างๆ ที่มีการพิสูจน์นั้นส่วนใหญ่คุณภาพยังไม่ดีนัก และหลายต่อหลายข้อบ่งชี้ก็ไม่ได้เทียบกับยามาตรฐาน..."
ไม่มีแพทย์แผนปัจจุบันคนใดที่ไม่รู้จัก The Lancet
วารสารการแพทย์นี้จัดเป็นระดับท็อปด้านการแพทย์แข่งขันคู่ไปกับอีกฉบับคือ New England Journal of Medicine
เนื้อหาสาระที่เผยแพร่มาสู่วงการแพทย์ทั่วโลกมักจะได้รับการยอมรับนับถือ เพราะต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์ ตรวจสอบอย่างเข้มข้นก่อนได้รับการตีพิมพ์
ถ้าจะมีคนมาเถียงโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ บรรพบุรุษเทือกเถาเหล่ากอ ยศถาบรรดาศักดิ์ หรืออำนาจการเมืองหนุนหลัง ก็คงต้องเปิดประตูคุยกันดังๆ ว่า "จะคุยกันแบบแพทย์แผนปัจจุบันไหม?"
ถ้าจะคุย ก็ใช้มาตรฐานทางคลินิกมาคุย ไม่เอาแต่หลอดทดลอง สัตว์ทดลอง หรืองานวิจัยแบบประสบการณ์ส่วนตัวเคสบางเคสมาโฆษณาชวนเชื่อแบบผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เคลมแบบว่าสกัดจากองุ่นเอย ส้มเอย ทับทิมเอย มะละกอ ฟักแฟงแตงโมไชโยโห่ฮิ่ว แล้วรักษามะเร็ง ไม่แก่ไม่ตาย กินแล้วไม่หิว กล่องละหลายพัน ขายดิบขายดี โฆษณาเกินจริงเย้ยกฎหมาย
ไม่งั้นก็ไปคุยกันแบบแพทย์แผนอื่นๆ เพราะมาตรฐานวิชาชีพที่แตกต่างกัน อย่าเอามาปนกันมั่วซั่วจนปั่นป่วนระบบสุขภาพของประเทศ
23 ต.ค. 2562 นี้เอง The Lancet ตีพิมพ์เนื้อหาเรื่องกระแสปลดล็อกกัญชาว่าส่งผลต่อระบบสาธารณสุขอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะปลดล็อคทางการแพทย์ หรือจะเป็นเสรีกัญชาอย่างที่เราเห็นความคลุ้มคลั่งในหลายต่อหลายพื้นที่ในโลก
ใจความสำคัญเป็นอย่างไร?
สรุปให้ฟังได้ดังนี้...
ขณะนี้กัญชาเป็นยาเสพติดที่ใช้มากที่สุดทั่วโลก
ประเทศแคนาดา และ 10 มลรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ปลดล็อคให้มีการผลิตและขายกัญชา ทั้งในทางการแพทย์ และเสรีกัญชา
...แต่...ในประเทศแคนาดาและมลรัฐต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ดอกกัญชา น้ำมันกัญชา และสารสกัดจากกัญชาแบบเข้มข้นนั้นถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ หลายต่อหลายโรค โดย"ไม่มี"ข้อมูลวิชาการทางการแพทย์ที่พิสูจน์ความปลอดภัยและสรรพคุณที่เชื่อถือได้
...การควบคุมการใช้กัญชาอ่ะ ทำได้เปล่า?...
เขาพบว่า ระบบการควบคุมการใช้กัญชาทางการแพทย์ในหลายมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดานั้น"อ่อนแอ" และไม่สามารถควบคุมการใช้ได้จริง ทำให้ผสมปนเปไปหมดระหว่างใช้ทางการแพทย์และใช้เสรี
...หึหึ ประเทศข้าจะปราศจากปัญหาตลาดมืด และเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง คนร่ำรวยจากค้าขายกัญชา สังคมดี๊ดี จริงไหม?...
การปลดล็อคกฎหมายให้ผลิตกัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นอาจจะเป็นไปเพื่อหวังที่จะลดการค้าขายในตลาดมืด และหวังจะให้รัฐบาลได้ควบคุมและเก็บภาษีได้ แต่สุดท้ายแล้ว สถานการณ์จริงกลับพบว่าความแรงของกัญชาในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไปถึงประชาชนนั้นไม่สามารถควบคุมดูแลได้เลย นอกจากนี้ราคาค่างวดของกัญชาก็ตกฮวบฮาบภายในไม่กี่ปีหลังประกาศใช้กฎหมาย
สถิติชี้ชัดว่า ประกาศปลดล็อคกฎหมายไปแล้ว เกิดการบูมของธุรกิจกัญชา และทำให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้กัญชามากขึ้นมาก
ผลที่หลายคนคาดหวังว่า เอากัญชาเข้ามาในสังคมแล้วจะลดปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติดประเภทฝิ่นนั้น ยังไม่เห็นผลกระเตื้องอย่างที่คาดหวังไว้
เขาทบทวนงานวิจัยต่างๆ และสรุปมาเหมือนกับที่เคยสื่อสารกันไปแล้วว่า สารสกัดจากกัญชานั้นมีที่ใช้ทางการแพทย์ในไม่กี่โรค และไม่ใช่ทางเลือกแรกในการรักษา การวิจัยต่างๆ ที่มีการพิสูจน์นั้นส่วนใหญ่คุณภาพยังไม่ดีนัก และหลายต่อหลายข้อบ่งชี้ก็ไม่ได้เทียบกับยามาตรฐาน
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ การตบท้ายอย่างแสบๆ คันๆ แต่เจ็บปวดนักคือ
...กว่าเราจะตอบคำถามมากมายเกี่ยวกับกัญชาที่ยังค้างท่ออยู่นั้นได้อย่างมั่นใจ ป่านนั้นการปลดล็อคกัญชาก็คงทำให้สังคมโลกมีสิ่งเสพติดชนิดที่ 4 ขึ้นมาอย่างถูกกฎหมายแล้ว...นั่นคือ คาเฟอีน เหล้า บุหรี่ และกัญชา...
นั่นแปลความได้ว่า สังคมไทยและสังคมโลกคงต้องเตรียมรับมือผลกระทบจากกัญชาในฐานะสิ่งเสพติดในสังคมอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้
หากไม่มีปาฏิหาริย์มาช่วยทำให้ตาสว่างได้
ประโยชน์นั้นยังมีจำกัด และต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตามขั้นตอนมาตรฐาน เพื่อให้แน่ใจเรื่องความปลอดภัยและสรรพคุณ
ส่วนโทษนั้นมีชัดเจน มากมายหลายหลาก แต่ไม่เคยได้รับการสื่อสารให้รู้เท่าทัน
การปั่นความโลภหวังรวยจากการปลูกขายนั้น ข้อมูลชี้ชัดแล้วว่า รายย่อยคงยากนักที่จะลืมตาอ้าปากอย่างที่บางคนบางกลุ่มโฆษณา รวยกระจุกจนกระจายคงจะเป็นสถานการณ์ที่พอคาดการณ์ได้ เงินกำลังจะหมุนไปเข้ากระเป๋าใครจากการปั่นกระแส ตรงนั้นคงรอความจริงพิสูจน์ให้เห็น
ตัวอย่างของกระแสความเชื่องมงายจากการปั่นข่าวสรรพคุณเว่อร์วังของกัญชานั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาหนักตามมาสู่ระบบสุขภาพในระยะยาว รวมถึงสถานะงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพของประเทศ ทั้งจากการใช้ในทางที่ผิดทั้งโดยตั้งใจ เต็มใจ และไม่ตั้งใจ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
และดีไม่ดี โปรดระวังว่า นี่จะเป็นตัวอย่างที่แท้จริงของเรื่อง Moral hazard ในระบบสุขภาพ รวมถึงระบบหลักประกันสุขภาพทุกกองทุน อย่างที่คาดไม่ถึง และยากที่จะตามหาคนมารับผิดชอบ (วันหลังจะมาเล่าเรื่อง Moral hazard ให้ฟัง แต่ใครอยากรู้ให้ลองค้นหาอ่านกันดูไปก่อนละกัน)
ถามว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วจะทำอย่างไร?
ส่วนตัวแล้วผมคงบอกเพียงว่า คน กลุ่มคน และ/หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรยอมรับความจริง กลับตัวกลับใจ สื่อสารสิ่งที่เป็นมาตรฐานที่พิสูจน์ตามขั้นตอนทางการแพทย์ และเตรียมองคาพายพทุกภาคส่วนให้วางแผนรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกระแสกัญชาในสังคมโลกและสังคมไทย
ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท อย่าเล่นกับกิเลส อย่าเล่นกับความกลัว
เพราะสิ่งที่ทำกันอยู่นั้น เปรียบเหมือนมีดสองคม ที่เรายังไม่มีปลอกไว้สวมเลย
ลดละเลิกโปรปากานด้าเปิดคลินิกกัญชาเป็นดอกเห็ดโดยเหมาเข่งรวมวิชาชีพหลากหลายมามะรุมมะตุ้มใช้ยาเสพติดรักษาโรค โดยรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ใช่มาตรฐาน และความรู้นั้นยังไม่นิ่งไม่ชัด โทษนั้นชัดเจนและมากกว่าคุณประโยชน์
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย