"...เราบริหารประเทศไทย เพื่อให้เจริญเติบโตมากๆ จ้างงานมากๆ ค่าแรงเพิ่มมากๆ เร็วๆ (โดยประชาชนบริโภคน้อยๆ เพื่อให้มีเงินเหลือลงทุนมากๆ) ดังนั้น หากเราลดค่าเงินบาท จะไม่มีใครมาแข่งลดค่าเงินกับเรา เพราะขนาดเศรษฐกิจของเราเป็นเพียง 4% ของโลก เขาอาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำไป แต่หากประเทศใหญ่ๆ แข่งกันลดค่าเงิน เราก็ต้องลดค่าเงินบาทตามอยู่แล้ว..."
ช่วงนี้มีนักวิชาการหลายท่านพูดว่า จีนลดค่าเงินหยวน จะทำให้จีนแย่ลงเอง..ซึ่งกระผมเห็นตรงข้าม จึงขอนำเสนอความเห็นดังนี้
1) การลดค่าเงินหยวนจีน (ประเทศเดียว) จะเป็นประโยชน์ต่อจีน เพราะ GDP growth สูงขึ้น รายได้ของคนจีนเกือบทุกคนเพิ่มขึ้น แม้สินค้านำเข้าจะแพงขึ้นบ้าง
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อเมริกาไม่พอใจ และประเทศเล็กๆ เช่นไทย กลัวส่งออกและท่องเที่ยวลดลง
2) การที่นักการเงินกล่าวว่า จีนลดค่าเงินหยวนเป็นผลร้ายต่อจีน เพราะเขาไม่เข้าใจเป้าหมายทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ต้องการสร้างงาน สร้างผลผลิต ให้มากๆ ทำให้ประชาชนมีฐานะดีขึ้นเร็วๆ เป้าหมายไม่ใช่ต้องการให้ประชาชนใช้จ่ายมากๆ
3) แต่หากประเทศจีน อเมริกา (และประเทศใหญ่อื่นๆ) แข่งกันลดค่าเงิน จะทำให้ตลาดเงินโลกปั่นป่วน เป็นผลเสียต่อการค้า เพราะความไม่มีเสถียรภาพในตลาดเงิน ทำลายความเชื่อมั่นในตลาดทรัพย์สิน
4) แต่เราบริหารประเทศไทย เพื่อให้เจริญเติบโตมากๆ จ้างงานมากๆ ค่าแรงเพิ่มมากๆ เร็วๆ (โดยประชาชนบริโภคน้อยๆ เพื่อให้มีเงินเหลือลงทุนมากๆ) ดังนั้น หากเราลดค่าเงินบาท จะไม่มีใครมาแข่งลดค่าเงินกับเรา เพราะขนาดเศรษฐกิจของเราเป็นเพียง 4% ของโลก เขาอาจไม่รู้สึกด้วยซ้ำไป แต่หากประเทศใหญ่ๆ แข่งกันลดค่าเงิน เราก็ต้องลดค่าเงินบาทตามอยู่แล้ว
5) กระผมค่อนข้างกังวลใจ ที่เห็นนักเศรษฐศาสตร์ไทย พูดเรื่องการลดค่าเงินจะเป็นผลเสียต่างๆ ราวกับว่าเขาอยู่ World Bank, IMF หรือเขากำลังบริหารประเทศสหรัฐฯ อยู่...
6) เราดูแลประเทศไทยเท่านั้น เราไม่ได้ดูแลโลก..เหมือนกับเราลดราคาข้าวแกงร้านเล็กๆ ของเรา ก็เพื่อให้เราแข่งกับคนอื่นร้านใหญ่ๆได้ เราไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร เขามีคนเก่งๆ มากมาย
7) การพูดว่า ประเทศจีนลดค่าเงินหยวนแล้ว เป็นผลเสียต่อจีน ดูจะเป็นการดูถูกนักเศรษฐศาสตร์จีนเกินไป ที่สำคัญเขาพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีมากและเร็วกว่าประเทศเรามาก... เราต่างหากที่ไม่รู้ไม่เข้าใจกรอบคิดที่แท้จริง และงมงายกับสิ่งที่ฝรั่ง (IMF, World Bank) สอนให้จดจำ....จึงทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยเจริญเติบโตช้ามาก ประชาชนยากจนลง เป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ... จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช
อดีตรมว.คลัง, อดีตรมว.ศึกษา
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก www.efinancethai.com