
"...แนวทางนี้ไม่ได้เป็นการตอบโต้หรือแสดงความไม่พอใจต่อสถานการณ์สงครามแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการตามหลักสากลเพื่อให้การดูแลในภาวะวิกฤตมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นลำดับแรก..."
เช้านี้มีข่าวที่น่ากังวลใจ เรื่องการสื่อสารมากๆ เลยครับ
จากที่หมอได้เห็นข่าว รพ.สรรพสิทธิประสงค์ มีบันทึกข้อความภายในถึงบุคลากรของ รพ. เรื่องแนวทางการให้บริการผู้ป่วยนั้น โดยมีการเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง ว่า รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ไม่รับรักษาผู้ป่วยชาวกัมพูชา
ผมในฐานะแพทย์ ขอแสดงความเห็นสนับสนุนแนวทางที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ดำเนินการ โดยเข้าใจดีว่าผู้ป่วยนอกเวลาส่วนใหญ่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน และสามารถปรับไปรับการรักษาจากแหล่งอื่นได้ ปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนสร้างความท้าทายอย่างหนักต่อระบบสาธารณสุข ทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรองทรัพยากรและบริการให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน การจำกัดการรับผู้ป่วยนอกเวลา รวมถึงผู้ป่วยชาวต่างชาติ จึงเป็นมาตรการที่ช่วยป้องกันปัญหาทรัพยากรโรงพยาบาลไม่เพียงพอ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่พบได้บ่อยในสถานการณ์วิกฤตคล้ายกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2563-2564 ที่หลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ ต้องงดรับผู้ป่วยนอกเวลา เพื่อนำทรัพยากรทั้งหมด เช่น เตียง ICU และบุคลากรทางการแพทย์ มาสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลยังคงเปิดแผนกฉุกเฉินเพื่อดูแลผู้ป่วยทุกกรณีอย่างต่อเนื่อง โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ตามหลักมนุษยธรรมสากล ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการให้การช่วยเหลือทุกชีวิตที่ต้องการการรักษาโดยไม่มีการงดรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้เลย
แนวทางนี้ไม่ได้เป็นการตอบโต้หรือแสดงความไม่พอใจต่อสถานการณ์สงครามแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการตามหลักสากลเพื่อให้การดูแลในภาวะวิกฤตมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นลำดับแรก
ผมทราบว่ามีบางกลุ่ม โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ ที่อาจไม่เข้าใจและแสดงการต่อต้านต่อการตัดสินใจนี้ ผมจึงขอเชิญชวนให้ทุกฝ่ายพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นของมาตรการนี้ด้วยใจเป็นกลาง พร้อมร่วมกันสนับสนุนระบบสาธารณสุขของชาติในยามที่ทุกคนต้องการความช่วยเหลือ
หวังว่าความเห็นนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจสถานการณ์และเห็นถึงเจตนาดีของโรงพยาบาลได้ดียิ่งขึ้นครับ
บทความโดย :
นายแพทย์ฆนัท ครุธกูล
ที่มา : https://www.facebook.com/profile.php?id=61555194335458



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา