ในประเทศออสเตรเลียช่วงยุค 1970s ชีวิตของ เกรซ ต้องพบกับความโชคร้ายและการสูญเสียมากมาย หลังจากที่สูญเสียแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ไป เธอและ กิลเบิร์ต น้องชายฝาแฝด ก็ถูกเลี้ยงดูมาโดย เพอร์ซี่ อดีตนักเล่นกลขี้เมาที่ตอนนี้มีอาการอัมพาตส่วนขา ถึงแม้ว่าชีวิตของทั้งสองจะเต็มไปด้วยความรัก โศกนาฏกรรมก็มาเยือนอีกครั้งเมื่อ เพอร์ซี่ จากไปในขณะที่เขากำลังนอนหลับ สองพี่น้องจึงถูกบังคับให้แยกกันไปเติบโตกันคนละทิศคนละทาง
ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันมักจะส่งผลต่อวิธีคิดและวิธีค้นหาข้อเท็จจริงของชีวิต ด้วยปัจจัยของ อายุ อาชีพ หรือประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้ว่าประสบการณ์ชีวิต มักจะให้แง่คิดอะไรเพื่อให้เราเติบโต แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ ประสบการณ์ชีวิต ที่ดีอย่างเดียว เช่นเดียวกับ ตัวละคร เกรซ จากหนังเรื่อง Memoir of a Snail หนัง แอนิเมชันสต็อปโมชัน จากดินน้ำมัน เจ้าของรางวัลหนังยอดเยี่ยม เทศกาลแอนิเมชั่นอานซี ของ ผู้กำกับ อดัม เอลเลียต เจ้าของผลงาน Harvie Krumpet (2003) และ Mary and Max (2009) ที่การกลับมาคราวนี้ใช้เวลาถึง 8 ปี
ในประเทศออสเตรเลียช่วงยุค 1970s ชีวิตของ เกรซ ต้องพบกับความโชคร้ายและการสูญเสียมากมาย หลังจากที่สูญเสียแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ไป เธอและ กิลเบิร์ต น้องชายฝาแฝด ก็ถูกเลี้ยงดูมาโดย เพอร์ซี่ อดีตนักเล่นกลขี้เมาที่ตอนนี้มีอาการอัมพาตส่วนขา ถึงแม้ว่าชีวิตของทั้งสองจะเต็มไปด้วยความรัก โศกนาฏกรรมก็มาเยือนอีกครั้งเมื่อ เพอร์ซี่ จากไปในขณะที่เขากำลังนอนหลับ สองพี่น้องจึงถูกบังคับให้แยกกันไปเติบโตกันคนละทิศคนละทาง
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องเรียบง่ายของการเติบโตในชีวิตของเกรซ ที่ตั้งแต่เธอเกิดมาไม่ได้สมบรูณ์แบบอะไร เพราะปากแหว่งเหมือนกระต่าย แถมแม่ยังเสียชีวิตไปตอนให้กำเนิดเธออีกด้วย แต่เพราะการมีอยู่ของน้องชายของเธอ กิลเบิร์ต และพ่อของเธอที่เป็น อดีตนักเล่นกล ที่เกิดประสบอุบัติเหตุรถชน จนทำให้พิการ ติดเหล้าไปวันๆ ทั้งสองคนเป็นดั่งเปลือกหอยที่คอยช่วยเยียวยาจิตใจจองเกรซ ที่มักจะโดนเพื่อนล้อจากหน้าตาที่ดูไม่ดีของเธอ แม้เป็นช่วงเวลาที่ได้นั่งอ่านหนังสือด้วยกัน หยอกล้อเพียงไม่นาน แต่มันทำให้ช่วงเวลาวัยเด็กของเธอนั้นมีค่าเกินจะหาสิ่งใดมาเปรียบ
แต่ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่มีพบก็ต้องมีจาก หลังพ่อของพวกเค้าเสียชีวิต สองพี่น้องต้องแยกจากกัน ทำให้ช่วงชีวิตของเกรซนั้นได้รู้จักกับเหล่าผู้คนที่เข้ามาในชีวิตของเธอเพื่อทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งการสูญเสีย โดนหักหลัง ความรัก ร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
- กิลเบิร์ต
ตัวละครน้องชายของเกรซที่ได้สอนเรื่องราวของการหาความสุขเล็กน้อยให้กับชีวิต และความทุกข์ของการจากลา บทบาทในเรื่องของเค้าอาจมีไม่เยอะมาก แต่มีส่วนสำคัญต่อจิตใจของเกรซมาก พอถึงในจุดที่ทั้งสองต้องจากกันก็สามารถทำให้คนดูเกิดอาการน้ำตาตกได้อย่างง่ายดาย
- เคน
ตัวละครที่สอนให้ได้รู้จักความรัก เค้าทำให้เกรซได้รู้ถึงคุณค่าของชีวิตเมื่อมีคนมองว่าเราสำคัญ เค้าสอนถึงการหักหลังเมื่อรู้ว่า เคนไม่ใช่ผู้ชายแสนดีแบบที่เธอคิด และสอนให้เกรซได้รู้ว่าประสบการณ์ไม่ได้ทำให้เราเติบโต แต่มันทำให้เราไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ
- พิงกี้
หญิงชราที่มีส่วนสำคัญมาที่สุดของเรื่อง เธอเป็นทั้งเพื่อน และที่ระบายความเศร้าให้กับเกรซ ตั้งแต่แยกย้ายกับกิลเบิร์ต เธอใช้ชีวิตแบบโล้ดโพ้นอยากทำอะไรก็ทำ พร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ ช่วยเหลือทุกคนเท่าที่ทำได้ ต่างจากเกรซที่คอยแต่หดตัวอยู่ในเปลือกหอย
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้ทิ้งไว้ให้ผู้ชมคือข้อความสุดท้ายของพิงกี้ ก่อนที่เธอจะจากไปว่า "คุกที่โหดร้ายที่สุด คือคุกที่เราสร้างขึ้นมาเอง " จริงอยู่ที่ว่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตจะมอบแต่ประสบการณ์แย่ๆจนทำให้เราไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ จนลืมไปเลยว่า แท้จริงแล้วเราอยากจะทำอะไรในชีวิต พิงกี้จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็น แม้จะเจออุปสรรค์และไม่สมหวังบ้าง แต่ก็ได้ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่
ถึงแม้ว่าตัวหนังจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความโศกเศร้า แต่มันกลับเล่าออกมาได้อย่างสนุกสนานและอบอุ่นหัวใจจนหน้าเหลือเชื่อ ด้วยมุมมองแบบตลกร้าย จึงทำให้ตลอดเวลาในการรับชมหนังเรื่องนี้ไม่มีฉากไหนที่ทำให้รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว บวกกับงานสร้างแบบ อนิเมชันสต็อปโมชัน จากดินน้ำมัน ที่สมัยนี้แทบไม่ได้เห็นคนทำอีกแล้วยังช่วยให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจ เวลาในการเล่าเรื่อง ก็ถูกใช้อย่างเหมาะสมชนิดที่เรียกว่ามีมากกว่านี้ก็คงไม่ดีน้อยกว่านี้คงไม่ได้ ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ไปดูจะต้องได้มุมมองดีๆ แง่บางอย่างของชีวิตแน่นอน