"...เบนจามิน รี (Benjamin Ree) ผู้สร้างและกำกับสารคดีดังกล่าวได้กล่าวว่า "ฉันคิดว่าเรื่องราวของเขาถามคําถามบางอย่างที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่คุณไม่เคยพบ? เป็นไปได้ไหมที่จะได้สัมผัสกับความรักกับคนที่คุณไม่เคยพบ? และคุณจะสนิทสนมกับคนที่คุณไม่เคยคุยด้วยแค่เขียนถึงแค่ไหน? ฉันคิดว่ามันบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างรุ่น เกี่ยวกับความหลงใหลในการเล่นเกมของคนรุ่นฉัน แมตส์บอกฉันว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตที่สั้น แต่เขาต้องการเป็นสิ่งที่จดจํา”..."
หนูน้อยแมตส์ สตีน (Mats Steen) เกิดมาลืมตาดูโลกในปี ค.ศ. 1989 ท่ามกลางความปลื้มปิติของครอบครัวที่ได้ลูกชายคนแรก แมตส์เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าชัง น่าหยิกสมกับเป็นเด็กชาวสแกนดิเนเวีย ช่วงเป็นทารกซุกซนเหมือนกับทารกทั่วไป แต่สิ่งที่พ่อแม่เริ่มสังเกตเห็นคือช่วงที่แมตส์หัดเดิน เพราะมักจะเดิน ๆ ไปแล้วล้มไม่สามารถประคองตัวได้นาน จนเมื่อไปพบแพทย์ตรวจอาการ จึงทราบว่าแมตส์เป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมดูเชน (Duchenne muscular dystrophy, DMD) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้การเจริญของกล้ามเนื้อผิดเพี้ยน กล้ามเนื้อลีบอ่อนแรง เคลื่อนไหวลำบาก ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วย 1 คน ต่อประชากร 3,500 คน เกิดกับเพศชาย และคุณแม่มักจะเป็นพาหะของโรค ซึ่งโรคนี้ไม่มีทางรักษา มีแต่ทรุดลง [1]
แม้ว่าโรเบิร์ต และ ทรูด สตีน (Robert และ Trude Steen) จะเลี้ยงดูลูกอย่างสุดความสามารถให้แมตส์ได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป โดยให้เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนตั้งแต่เด็กชั้นอนุบาลจนจบชั้นมัธยม โดยที่ผลการเรียนของแมตส์โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมห้อง แต่ด้วยอาการที่กำเริบขึ้นเรื่อย ๆ ต้องใช้เก้าอี้รถเข็นตั้งแต่เรียนชั้นประถม แขนขาเริ่มไม่มีเรี่ยวแรง ไม่สามารถใช้มือเขียนหนังสือได้เหมือนกับเด็กปกติ จำเป็นต้องใช้แป้นพิมพ์ในการเขียนข้อความ เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่พิมพ์สัมผัสได้เร็วกว่าใคร ๆ มาตั้งแต่เด็ก
ด้วยอาการดังกล่าว จึงทำให้แมตส์ได้แต่เฝ้ามองเพื่อน ๆ เล่นกัน ในขณะที่กิจกรรมของครอบครัวได้เพียงแต่เฝ้าดู และเขาไม่ได้สนุกเลยเวลาที่โรงเรียนพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ไปสวนสนุกที่สายตาของคนรอบข้างทอดมองเขาด้วยความสงสัยและสงสาร จนทำให้เขาอึดอัด ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาจึงเลือกออกห่างจากสังคม จนพ่อแม่ใจอ่อนตัดสินใจซื้อ GAME BOY เกมคอมพิวเตอร์ให้เล่น ซึ่งเขาได้เล่นสมใจจนติดแบบงอมแงม ถือไว้กับมือตลอดเวลา ต่อมาได้พัฒนามาเล่นเกมบนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบมีแป้นหน้าจอ คราวนี้ไม่ต้องไปไหนฝังตัวอยู่แต่ในห้อง เรียกว่าพ่อแม่ต้องบอกให้นอนถึงจะเลิกเล่น ซึ่งเมื่อแมตส์เรียนจบชั้นมัธยมไม่สามารถเรียนต่อได้ จึงขอพ่อแม่แยกไปอยู่บ้านหลังที่อยู่ติดกัน และใช้ชีวิตกับเกมออนไลน์ที่พ่อแม่รับสภาพและทำใจเมื่อเห็นลูกตีตัวออกห่างจากสังคม ไม่คบหาสมาคมกับคนอื่น ๆ โดยไม่ได้รับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการคือให้ลูกมีความสุขกับเวลาที่เหลืออยู่
แมตส์จากโลกนี้ไปอย่างสงบในปี ค.ศ. 2014 ด้วยวัยเพียง 25 ปี ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว โดยครอบครัวโทษตัวเองที่ปล่อยให้แมตส์ใช้เวลาส่วนใหญ่กว่า 20,000 ชั่วโมงภายในห้องนอนของเขา เล่นเกมออนไลน์ยอดฮิต เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ (World of Warcraft) ซึ่งออกแบบโลกให้มีทวีปต่าง ๆ ทะเล ป่า เขา หน้าผา ที่ราบ และหมู่บ้าน ที่ผู้เล่นได้ท่องไปในจินตนาการ ต่อสู้และผจญภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้แมตส์ออกห่างจากสังคมรอบข้าง ปราศจากความรัก และควรจะทำอะไรให้กับตนเองและคนรอบข้างได้มากกว่านี้ [2]
อย่างไรก็ดี โรเบิร์ต และ ทรูดคิดว่าควรจะส่งข้อความไปให้กับเพื่อน ๆ ที่แมตส์ได้ร่วมเล่นเกมด้วยกันมากว่า 10 ปีได้รับรู้ จึงตัดสินใจส่งข้อความในบล็อก (Blog) ของสตีนเป็นข้อความสั้น ๆ ว่า “ลูกชายที่เป็นที่รักของเราได้จากไปแล้วเมื่อคืน” โดยคาดว่าจะมีคนอ่านเพียงไม่กี่คน แต่เพียงไม่กี่นาทีที่พวกเขาส่งบล็อกดังกล่าวออกไป กลับมีข้อความตอบกลับมาอย่างไม่ขาดสาย เป็นเพื่อนมาจากทั่วโลก ที่เขียนมาแสดงความเสียใจ ซึ่งตอนแรกพวกเขานึกว่าข้อความเหล่านั้นคงเป็นข้อความหลอก ๆ แต่เมื่อได้เข้าไปอ่านแล้ว มีทั้งข้อความสั้น ๆ ไปจนถึงเป็นย่อหน้ายาว ๆ ที่แสดงความเสียใจ และขอบคุณในมิตรภาพ ความรักและกำลังใจที่แมตส์ได้มอบให้ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ตั้งตัวไม่ทัน คาดไม่ถึงกับเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าตลอดระยะเวลาที่แมตส์เข้าไปเล่นเกมนั้น เขาได้สื่อสารกับเพื่อน ๆ พร้อมทั้งเปิดโลกของเขาให้เปิดกว้าง ที่สำคัญคือการมอบความรักและกำลังใจให้กับทุกคน [3]
โรเบิร์ตตัดสินใจติดต่อกับผู้ที่ส่งข้อความมาทันที จนสืบทราบ password และเข้าไปในโลกเกม เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ แมตส์ได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มที่มีชื่อสตาร์ไลต์ (Starlight) ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 30 คน ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2013 ขณะที่แมตส์อายุ 24 เขาตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองลงในบล็อก ก่อนจะแชร์บล็อกเหล่านั้นให้เพื่อนในกลุ่มอ่านทีละคน แมตส์ใช้ตัวละครชื่อ "อิบีลิน" (Ibelin) ในมหากาพย์ประวัติศาสตร์เรื่อง Kingdom of Heaven ในปี ค.ศ. 2005 มาเป็นตัวเขา ทั้งนี้อิบีลินเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูง กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ผมสีบลอนด์ และวิ่งผ่านหมู่บ้านอาเซรอธ (Azeroth) เพื่อพบปะผู้คนเป็นเวลา 30 นาทีในแต่ละวัน และที่สำคัญคือโรเบิร์ตได้ค้นพบข้อความที่แมตส์ติดต่อสื่อสารกับผู้เล่นคนอื่นกว่า 42,000 ข้อความ
อิบีลินอาจฟังดูเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ในอุดมคติ แต่จากข้อความที่แมตส์ได้สื่อสารให้ผู้เล่นคนอื่นรับรู้ได้แสดงถึงมิตรภาพและความรักที่มีต่อกัน "เขาอยู่ที่นั่นเพื่อฉัน และฉันยังสามารถพูดคุยกับเขา
ในเรื่องที่ฉันไม่สามารถจะบอกคนอื่นได้" เป็นข้อความที่ผู้เล่นคนหนึ่งสารภาพออกมา ในขณะที่แม่ลูกครอบครัวหนึ่งในเดนมาร์กกล่าวขอบคุณแมตส์ที่แนะนำให้ทั้งสองเล่นเกมและกอดกันผ่านเกมดังกล่าวจนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาดีดังเดิม ในขณะที่ ลิเซตต์ รูเวอร์ส วัย 28 ปี กล่าวว่า เธอถือเป็นเพื่อนในเกมอีกคนหนึ่งที่รู้จักกับแมตส์มานาน แมตส์ได้เขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอเมื่อพวกเขายึดคอมพิวเตอร์ของเธอไป ในขณะที่ผลการเรียนของเธอกําลังย่ำแย่ โดยบอกว่าพวกเขาควรจะหาทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ เพราะเธอกำลังเป็นโรคซึมเศร้า
เรื่องราวของแมตส์ถูกนำมาสร้างเป็นสารคดีเรื่อง “The Remarkable Life of Ibelin” โดยนำหนังบันทึกเทปสมัยที่แมตส์ยังเป็นเด็กและครอบครัวได้ถ่ายทำไว้ มาผสมผสานกับการทำแอนิเมชัน
(Animation) สร้างจากข้อความที่แมตส์ได้ร่วมสนทนากับเพื่อนในเกมเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์
เบนจามิน รี (Benjamin Ree) ผู้สร้างและกำกับสารคดีดังกล่าวได้กล่าวว่า "ฉันคิดว่าเรื่องราวของเขาถามคําถามบางอย่างที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่คุณไม่เคยพบ? เป็นไปได้ไหมที่จะได้สัมผัสกับความรักกับคนที่คุณไม่เคยพบ? และคุณจะสนิทสนมกับคนที่คุณไม่เคยคุยด้วยแค่เขียนถึงแค่ไหน? ฉันคิดว่ามันบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างรุ่น เกี่ยวกับความหลงใหลในการเล่นเกมของคนรุ่นฉัน แมตส์บอกฉันว่าในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตที่สั้น แต่เขาต้องการเป็นสิ่งที่จดจํา”
แหล่งที่มา:
[1] วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี โรคกล้ามเนื้อเสื่อมดูเชน https://th.wikipedia.org
[2] แมตส์ สตีน: โลดโผนบนโลกออนไลน์ เด็กชายบนรถเข็น ผู้เป็นตำนานของ World of Warcraft, The People,
5 ส.ค. 2563 เวลา 14:59 น. https://www.thepeople.co/read/25504
[3] Jake Kring-Schreifels, The Story Behind Netflix’s Moving Documentary The Remarkable Life of Ibelin, TIME, October 25, 2024 8:00 AM https://time.com/7095887/the-remarkable-life-of-ibelin-true-story-netflix/