"...ผมยืนยันว่าผมทำตามข้อบังคับที่เขาออกมาทุกอย่าง ทุกอย่างประเด็น ฉะนั้นผมก็ Declare (ชี้แจง) ตัวเองได้ ฉะนั้นการสอบของอว.ที่ตั้งมาสอบผมจะเป็นกรรมการอีกชุดหนึ่ง เพราะผมเป็นอธิการบดี ไม่มีจัดสอบผมได้ภายในมหาวิทยาลัย ต้องเป็นกระทรวงเท่านั้น ส่วนผู้ดำเนินงานของผมที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผม กระทรวงให้ผมตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ ผมก็ตั้งกรรมการขึ้นมา ตอนนี้กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : สืบเนื่องจากกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ทำหนังสือแจ้งผลการดำเนินการทางวินัยกรณีตรวจสอบโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ปีงประมาณ 2564 ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ให้นายกสภามหาวิทยาลัยฯ รับทราบ
โดย อว. เห็นสมควรให้ยุติการสอบสวน เนื่องจากเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำผิดวินัยในการดำเนินงานโครงการฯ หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 4 จังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบพบว่า กรณีนี้มีข้อบกพร่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหรือจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบราชการ รวมทั้งมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าทุจริต พร้อมส่งเรื่องให้ ปลัด อว. ในฐานะผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการทางวินัยกับบุคลาการในสังกัดมหาวิทยาลัยฯ จำนวน 15 ราย
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า ในการตรวจสอบดำเนินงานโครงการฯ นี้ ของ สตง. พบปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายค่าใช้ในการฝึกอบรมฯ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเท็จด้วย
- อว.หักล้างสตง.! แจ้งสภาฯ มทร.อีสาน ยุติสอบ 'อธิการฯ-พวก' ทำโครงการอบรมอาชีพเกษตรฯ
- เปิดรายงาน อว.หักล้าง สตง.แจ้งยุติสอบวินัย 'อธิการฯมทร.อีสาน-พวก' ใช้งบโครงการอบรมอาชีพฯ
- เบื้องลึก! สตง.สอบมทร.อีสาน ใช้งบ 407 ล.มีเบิกเงินอบรมเท็จเสียหาย 30 ล.- ส่ง ป.ป.ช.ด้วย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง รศ.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นข้างต้น
นายโฆษิต กล่าวชี้แจงว่า ขอให้ข้อมูลเท่าที่ตนเองให้ได้ เพราะขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นสอบสวนลับ
"การสอบเบื้องต้นของ สตง. สตง.ก็ส่งข้อมูลไปต้นสังกัด คือ กระทรวงอว.ดำเนินการ แล้วทางอว.ก็แยกประเด็นในการสอบ โดยตั้งกรรมการสอบตามประเด็นที่แยกไว้ ผมในฐานะผู้บริหารกำกับดูแลเขาก็สอบถามว่าข้อเท็จจริงแต่ละประเด็นเป็นอย่างไร ตรงตามที่อว.กล่าวหาหรือไม่"
"โดยสตง.ตั้งต้นมาว่าผมผิดวินัยไม่ร้ายแรง เพราะเป็นข้อบกพร่องที่เขาสงสัย ก็ให้ข้อมูลว่า ผมทำได้เพราะเป็นระเบียบข้อบังคับของมหาวิทยาลัยให้ทำได้ ส่วนทำอย่างไรเป็นเรื่องของสำนวนการสอบสวน แต่หลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็ทำโดยใช้ระเบียบการบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยภายใต้การออกระเบียบโดยสภามหาวิทยาลัย"
นายโฆษิต กล่าวย้ำว่า "ผมยืนยันว่าผมทำตามข้อบังคับที่เขาออกมาทุกอย่าง ทุกประเด็น ฉะนั้นผมก็ Declare (ชี้แจง) ตัวเองได้ ฉะนั้นการสอบของอว.ที่ตั้งมาสอบผมจะเป็นกรรมการอีกชุดหนึ่ง เพราะผมเป็นอธิการบดี ไม่มีใครจัดสอบผมได้ภายในมหาวิทยาลัย ต้องเป็นกระทรวงเท่านั้น ส่วนผู้ดำเนินงานที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผม กระทรวงให้ผมตั้งกรรมการขึ้นมาสอบ ผมก็ตั้งกรรมการขึ้นมา ตอนนี้กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่"
"จริง ๆ แล้วต้องแยกประเด็น เพราะประเด็นข่าวที่ออกไปว่า อธิการโฆษิตพร้อมพวก 15 คน แต่ไม่ได้เกี่ยวกันเลย เพราะแยกประเด็นสอบกัน ฉะนั้นผมเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับกรรมการ แม้กระทั่งเรื่องการสอบละเมิดฯ กระทรวงอว.ก็ยังดำเนินการสอบกับผู้ดำเนินโครงการอยู่ ยังไม่มีผลออกมา แม้กระทั่งเนื้อข่าวที่ออกไปก็เป็นเรื่องลับระหว่างกระทรวงอว.กับสภามหาวิทยาลัย ซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูล"
"การที่มีข้อมูลออกไประหว่างที่เป็นเรื่องลับของสองหน่วยงาน ผมก็เลยงงว่าคนให้ข้อมูลเอาข้อมูลลับของกระทรวงมาให้ข้อมูลกับนักข่าว ถามว่าผิดไหมก็ผิด ผมไม่คิดว่าผมผิด ผมไม่เดือดร้อนอะไรจึงไม่ตอบโต้ เพราะเรื่องของผม ผมก็ Declare (ชี้แจง) ไปหมดแล้ว" นายโฆษิต กล่าว
@ รศ.โฆษิต ศรีภูธร
นายโฆษิต กล่าวว่า ตนเองเคยไปให้ข้อมูลกับกรรมาธิการงบประมาณแล้วในเรื่องดังกล่าว ตนเองเป็นผู้บริหารมีนักวิจัยสองพันกว่าคนภายใต้มหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละคนไปทำโครงการมากมายเพราะต้องทำภารกิจบริการวิชาการนอกจากการสอน ใครจะได้โครงการมาจากไหน มากน้อยเท่าใด เราไม่ว่าเพราะเป็นสิทธิ์ของเขา แต่เมื่อเขาเอาโครงการมา มหาวิทยาลัยก็ต้องดูว่าจะเอาเข้าระเบียบใด ส่วนการกำกับติดตามหัวหน้าโครงการต้องรับผิดชอบเอง แล้วมหาวิทยาลัยกำกับติดตามผ่าน KPI (ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ) ของโครงการและกระบวนการสุดท้าย และมีการตรวจสอบโดยกระบวนการต่าง ๆ ตนเองไม่ได้มีหน้าที่ต้องไปนั่งเฝ้าคนที่ได้โครงการกว่าสองพันคน แต่เวลามีข่าวก็ไม่ค่อยยุติธรรมกับตนเองนัก แต่ก็พยายามอธิบายว่าตนเองทำตามระเบียบ
"ส่วนในการอบรม เช่น นาย ก. ได้โครงการมา นาย ก. มีเป้าหมายการอบรบในโครงการสองพันคน นาย ก. จะทำครบหรือไม่ครบก็เป็นเรื่องในส่วนการตรวจสอบ ถ้าสตง.เห็นว่านาย ก. ทำไม่ครบก็ไปสอบเขา ถ้ามีมูลมา สตง.จะส่งให้กรรมการชุดไหนสอบก็เป็นดุลยพินิจ จะเป็นมหาวิทยาลัย หรือกระทรวง ก็ขึ้นอยู่กับลำดับขั้นการบังคับบัญชา" นายโฆษิต กล่าว
นายโฆษิต กล่าวอีกว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นสอบสวน รายละเอียดต่าง ๆ เป็นสำนวนสอบสวนซึ่งเป็นข้อมูลลับ ตนเองก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงที่จะไปรับทราบข้อมูลทั้งหมด ตนเองรับทราบในส่วนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับตนเองว่าตนเองบกพร่องอย่างไร ในฐานะที่เป็นผู้บริหารที่มีโครงการต่าง ๆ อยู่ภายใต้มหาวิทยาลัยที่ตนเองบริหาร
"ส่วนอื่นเป็นเรื่องของกรรมการที่เขาได้รับมอบหมายแต่ละชุดไปสอบสวน ซึ่งแยกส่วนกัน ไม่ได้มัดรวมอย่างที่เป็นข่าว" นายโฆษิต กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่าสตง.ส่งเรื่องไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการสอบต่อ?
นายโฆษิต ตอบว่า อันนี้เป็นเรื่องของ สตง. แต่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.เคยขอข้อมูลจากตนเอง การขอข้อมูลมาแสดงว่าเป็นการขอข้อมูลในส่วนของผู้ดำเนินโครงการว่ามีการอบรมจริงหรือไม่ เป็นต้น แสดงว่า สตง.ส่งไปที่ป.ป.ช. ตนเองก็ส่งข้อมูลให้ป.ป.ช.ทั้งหมดตามที่มหาวิทยาลัยมีข้อมูล ไม่ได้บิดเบือนสิ่งใด ส่วน ป.ป.ช.จะตัดสินอย่างไรก็เป็นเรื่องของป.ป.ช. ตนเองไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ทั้งหมดนี้ คือ คำชี้แจงของ รศ.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ต่อกรณีการตรวจสอบโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ปีงประมาณ 2564 ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้
สำหรับข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป