"...อย่างไรก็ดี ในบทสุดท้าย สปอลดิงได้กล่าวว่า แม้องค์ประกอบ “I” ทั้งสามมีส่วนสำคัญต่อการสร้างอิทธิพลบวก แต่คงไม่มีประโยชน์ใด ๆ หากไม่มี “I” อีกตัวหนึ่งเข้ามาประกอบด้วย นั่นก็คือ “ตัวเอง” นั่นเอง เพราะ “คุณจะรักและส่งอิทธิผลบวกให้ชีวิตคนอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะรู้จักรักและส่งอิทธิพลบวกให้ตัวเองเสียก่อน”..."
ผมตั้งใจจะอ่านหนังสือที่ได้รับจากการเกษียณอายุที่แฟนพันธุ์แท้อยากให้อ่านเพื่อนำมาเขียน weekly mail แต่เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งเดือนก็ยังไม่แตะสักเล่ม จนสัปดาห์นี้ต้องกระตุ้นตัวเองให้หยิบขึ้นมาอ่าน 1 เล่ม ก่อนที่จะถูกทวงถาม หนังสือส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นการดูแลตัวเองหลังเกษียณ ผมเลยขอเลือกเรื่อง “เราทุกคนคือแรงดลใจ” (The Gift of Influence) เขียนโดยทอมมี สปอลดิง (Tommy Spaulding) และนุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี ผู้แปล เพราะเป็นความบังเอิญที่กำลังคัดเลือกเอกสาร หนังสือต่าง ๆ ที่เก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ว่าจะเก็บอะไรไว้ อะไรจะนำไปบริจาคหรือชั่งกิโลขาย ไปค้นเจอจดหมายของอาจารย์เดวิด ลี (David Lee) อาจารย์ภาษาอังกฤษ สมัยผมเรียนปริญญาตรีที่เขียนไว้ว่า “ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับก้าวสำคัญในชีวิตกับการเป็นบัณฑิตใหม่ อาจารย์ขอฝาก essay ที่คุณได้เขียนไว้เป็นบทความแรกตอนเรียนวิชา Freshman English เมื่อคุณอ่านแล้วคงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ โดยเฉพาะทักษะในการเขียนที่ต้องมาจากการอ่าน การวิเคราะห์ และการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง”
ผมยังคงเก็บจดหมายฉบับดังกล่าวพร้อม essay ฉบับนั้นไว้เป็นอย่างดี เพราะอาจารย์ได้นำใส่ไว้ที่ตู้จดหมายในวันรับปริญญา ให้กับนักศึกษาทุกคนที่เรียนวิชาดังกล่าวกับอาจารย์ หมายถึงว่าอาจารย์ได้เก็บ essay ของนักศึกษาทุกคนไว้กว่า 4 ปีจนถึงวันรับปริญญา ภายหลังผมทราบมาว่าอาจารย์ทำเช่นนี้ทุก ๆ ปี สร้างความรู้สึกดีให้กับผมเป็นอย่างมาก “ความเอาใจใส่ของอาจารย์ลี” จึงเป็นลักษณะนิสัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผมมาจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงชีวิตของเราต้องเจอะเจอผู้คนมากมาย แต่คงมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลและมีผลกระทบต่อนิสัยหรือพฤติกรรมของเรา ซึ่งผู้ทรงอิทธิพลคงไม่เพียงแค่ พ่อ แม่ คนในครอบครัว หรือคนที่มีชื่อเสียง แต่คนที่ทรงอิทธิพลต้องมีคุณลักษณะที่ชักนำและสร้างอิทธิพลบวกได้จริง ๆ ซึ่งสปอลดิงได้สรุปว่า หัวใจของตัวอิทธิพลดลใจต้องประกอบไปด้วย 3 ตัวประกอบ คือ 1. ใส่ใจ (Interest) 2. ลงทุน (Investment) และ 3. เจตนา (Intent) สปอลดิงกล่าวว่า “แม้คุณจะไม่ใช่คนดัง แต่ตลอดช่วงชีวิตเราทุกคนล้วนมีอิทธิพลต่อคนรอบตัวได้มากกว่า 80,000 คน หรือเฉลี่ย 2.8 คนต่อวัน ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลทางบวกหรือทางลบ ทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ตาม…”
การที่อาจารย์ลีได้เก็บ essay แรกของนักศึกษาทุกคนไว้ ถือเป็นการใส่ใจและเป็นบทเรียนสำคัญที่สุดเท่าที่ผมเรียนรู้เรื่องอิทธิพลเชิงบวก แต่เพียงแค่การเอาใจใส่คงไม่เพียงพอ อาจารย์ยังลงทุนด้วยการทำเช่นนี้กับนักศึกษาทุกคนที่เรียนกับอาจารย์ ด้วยการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในทุก ๆ ปี และที่สำคัญมีเจตนาดีและทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ เรียกได้ว่าอาจารย์มีเมตตาและทำความเข้าใจคนอื่นอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี ในบทสุดท้าย สปอลดิงได้กล่าวว่า แม้องค์ประกอบ “I” ทั้งสามมีส่วนสำคัญต่อการสร้างอิทธิพลบวก แต่คงไม่มีประโยชน์ใด ๆ หากไม่มี “I” อีกตัวหนึ่งเข้ามาประกอบด้วย นั่นก็คือ “ตัวเอง” นั่นเอง เพราะ “คุณจะรักและส่งอิทธิผลบวกให้ชีวิตคนอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะรู้จักรักและส่งอิทธิพลบวกให้ตัวเองเสียก่อน” [1]
หมายเหตุ:
[1] The Gift of Influence (เราทุกคนคือแรงดลใจ), Tommy Spaulding (นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี แปล), บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชันส์ จำกัด (มหาชน) พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2566