เรื่องราวต้นกำเนิดที่ไม่เคยถูกบอกเล่ามาก่อนของ ออพติมัส ไพรม์ และ เมกะทรอน ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะศัตรูคู่อาฆาต แต่ครั้งหนึ่ง พวกเขาเคยเป็นเพื่อนที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นดุจพี่น้อง ผู้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของไซเบอร์ทรอนไปตลอดกาล
ต้องขอบอกก่อนว่าผมเองก็เป็น 1 ในคนที่ไม่อินกับ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส เวอร์ชั่นหนัง ที่มาผ่านซักเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นทรานส์ฟอร์เมอร์ส ภาคแรกที่หลายคนชอบ แต่ก็ดูจะไม่ตรงกับจริตของผม ซักเท่าไหร่ จนมาถึงการมาของ Transformers One ที่ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าดูอะไรมาก ในภาคนี้ได้ผู้กำกับอย่าง จอช คูลีย์ ผู้กำกับ Toy Story 4 และยังร่วมเขียนบทในเรื่อง Inside Out เลยค่อนข้างเพิ่มความน่าดูเข้าไปพอสมควร
เรื่องย่อ :
เรื่องราวของ โอไรออน แพ็กซ์ และ ดี-16 หุ่นขุดชนชั้นแรงงาน ที่แปลงร่างไม่ได้เพราะไร้เฟือง เลยทำให้ต้องไปทำงานหนักและไร้อิสระภาพ วันหนึ่ง ทั้งคู่ ได้เสี่ยงอันตรายออกเดินทางเพื่อตามหาเมทริกซ์แห่งจิตพลังผู้นำที่หายสาบสูญไปนานและทำให้อีเนอร์กอน ซึ่งเป็นเหมือนเลือดแห่งชีวิตของดาวดวงนี้ กลับมาหลั่งไหลอย่างอิสระอีกครั้งหนึ่ง
ว่าตามตรงว่า อย่าเชื่อตัวอย่างของหนังและเรื่องย่อมากครับ เหมือนกับในเพลงของทรานส์ฟอร์เมอร์ส ที่มีท่อนว่า "More than meets the eye" เพราะในหนังกลับมีอะไรมากกว่าที่คิดมาก สิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือ Transformers One ได้กลายเป็นหนัง ตระกูล Transformers ที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยทำมาไปแล้ว ด้วยการเปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องเป็นเน้นไปที่เหล่าตัวละครจากดาวไซเบอร์ทรอน(หุ่นยนต์) แทน และตัดมนุษย์ออกไปจากเรื่องจนหมด เพราะข้อเสียหลักๆของเรื่องที่ผ่านมาคือการเสียเวลาไปเล่าดราม่า ของมนุษย์เยอะเกินไป ทำให้เราไม่ได้รู้จักมุมมองของเหล่าหุ่นยนต์มาก เลยกลายเป็นว่า Transformers One เป็นผลงานที่ดูมีหัวใจมากกว่าเรื่องที่ผ่านๆมา เพราะเราได้เห็น ด้านต่างๆของตัวละคร อย่าง ออพติมัส ไพรม์ และ เมกะทรอน บวกกับการแสดงสีหน้าแบบอนิเมชั่นที่ดูแล้วจะเข้าท่ากว่าหนังคนแสดง เพราะเราสามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ด้วยการมองสีหน้าได้
เชื่อว่าหลายๆคน คงจะทราบอยู่แล้วว่าสุดท้าย เมกะตรอนและออพติมัส ไพรม์ สุดท้ายและก็จะกลายเป็นศัตรูที่ไม่อาจเดินร่วมทางกันได้ แต่หนังก็สามารถเล่าเหตุและผล ของตัวละครได้ออกมาอย่างดี และไม่ตื้นเขินจนเกินไป แม้ว่าตัวหนังจะมีเวลาเล่าเรื่องไม่เยอะมาก ทั้งเหตุผลของเมกะตรอน ในการเป็นวายร้ายในอนาคต และความเหมาะสมของ ออพติมัส ไพรม์ ในการเป็นผู้นำของเหล่า ออโตบอท ทั้งหมดถูกเล่ามาในเวลา 104 นาที ได้ครบและไม่มีฉากไหนที่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
ในการของเสียกพากย์ ถึงแม้จะเปลี่ยนักพากย์ประจำของ ออพติมัส ไพรม์ อย่าง ปีเตอร์ คัลเลน ไปเป็น คริส เฮมสวอร์ธ เจ้าของบทบาท ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าแทน แต่ก็สามารถแสดงอารมณ์ทั้งด้าน ที่อ่อนแอ เยาว์วัย และด้านผู้นำของ ออพติมัส ไพรม์ ได้เป็นอย่างดี ไบรอัน ไทรี เฮนรี ในบทของ เมกะทรอนเอง ก็สามารถถ่ายทอด ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงท้ายๆของเรื่องแล้ว เค้าสามารถถ่ายถอดเสียง ของชายที่พร้อมจะแก้แค้นทุกอย่าง ออกมาได้เป็นอย่างดี
สำหรับประเด็นที่ผมได้จาก Transformers One คงจะเป็นเรื่องที่ว่า อย่าให้ข้อจำกัดมาตัดสินตัวเรา เพราะมันอยู่ที่ใจที่คิดจะลุกจะเปลี่ยนแปลง ใน Transformers One เหล่า หุ่นยนต์จะถูกแบ่งแย่งชนชั้นแรงงานกับปัญญาชน ด้วยข้อที่ว่าถ้ามีเฟืองแปลงร่าง เราก็จะสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่สำหรับตัวเอกอย่าง โอไรออน แพ็กซ์ (ออพติมัส ไพรม์) เค้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่เฟือง แต่มันอยู่ที่ว่าเราคิดที่จะกล้าออกมาเปลี่ยนแปลงรึเปล่า